สเปอร์ส ยอมเปิดโอกาสให้ แมนซิตี้ ยิง 11 ครั้งให้ครองบอล 69 เปอร์เซ็นต์ แต่พวกเขาไม่เสียประตูแม้แต่ลูกเดียว นักเตะทุกตำแหน่งของสเปอร์ส ถอยร่นไปยืนในแดนตัวเอง ประตูตีเสมอไม่เกิดขึ้น เพราะVAR มูรินโญ โชว์ผลงานระดับมาสเตอร์คลาส
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในครึ่งแรกของเกม สุดท้ายกวาร์ดิโอลา เหมือนต้องสาป หลังจากที่แพ้ไป 0-2 อีกครั้ง
ภายใต้การตีความเรื่องกฏแฮนด์บอลยุคใหม่ ลูกบอลที่กระเด้งจากตัวของกาเบรียล เฆซุสไปโดนแขน ก่อนที่เขาจะส่งบอลให้ อายเมริค ลาปอร์กต์ ยิงเข้าไป ไมค์ ดีน ไม่มีทางเลือก และเดินไปดูที่หน้าจอ VAR ก่อนจะวิ่งเหยาะเข้ามาและยกเลิกประตูดังกล่าว
การตัดสิน VAR เลือกที่จะไม่ให้ประตู แก่แมนซิตี้ เหมือนที่พวกเขาทำได้แค่เสมอ 2-2 ในการเจอกันครั้งก่อนที่เอติฮัด สเตเดียม ลาปอร์กต์ และ เฆซุส เฮเก้อกับเรื่องนั้น
ในการแข่งขันฤดูกาล 2019/20 ลูกทีมของกวาร์ดิโอลา มีสถิติในเกมที่เหนือกว่า แต่เป็นอิลกาย กุนโดกัน ที่ยิงจุดโทษพลาดและแพ้ไป 0-2 นี่คือก่อนที่พวกเขาจะกระเด็นตกรอบ แชมเปี้ยนส์ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อปี 2019 ที่มีหลายรสชาติ ทั้งการพลาดจุดโทษ, เฟร์นานโด ยอเรนเต้, ราฮีม สเตอร์ลิง, VAR นั่นคือทั้งหมด
อย่างไรก็ตามในขณะที่กวาร์ดิโอลา เริ่มต้น สิ่งที่ดูเหมือนมันคือเรื่องเดิมครั้งที่ 3 ที่เขาได้รับความเห็นอกเห็นใจจากบอร์ดบริหาร และเชื่อมั่นว่าเขาคือคนที่ใช่
มันไม่ได้เป็นเรื่องยากเลยที่จะบอกว่า ชาวกาตาลัน พยายามสร้างทีมของพวกเขาอย่างไร พวกเขาจับบอลกันง่ายๆ และพยายามถ่ายบอล เปลี่ยนแกนและเราเข้าใจว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นทีมที่เน้นครองบอลด้วยสถิตที่สูงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์สเมอ
มองถึงความเป็นจริงตอนนี้ทีมอยู่อันดับ 10 และตามหลังคู่ต่อสู้ถึง 8 แต้ม นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ดูเหมือนจะไม่ตอบโจทย์
เกินกว่าครึ่งของโอกาส 11 ครั้ง เป็นการติดบล็อค 6 ครั้งและตรงกรอบแค่ 3 ครั้งเท่านั้น แม้ในแชมเปี้ยนส์ลีก จะดูสดใส แต่ครั้งสุดท้ายที่แมนซิตี้ยิงประตูมากกว่า 1 ลูกในลีกได้คือเกมที่ แพ้ต่อเลสเตอร์ ซิตี้ 2-5 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
โดยทั่วไปแล้ว กวาร์ดิโอลา จะเป็นคนที่เรียบง่ายในการให้คำแนะนำในห้องแถลงข่าว เขาจะมาพร้อมเหตุผลว่า เฆซุส และ เซร์คิโอ อเกวโร ได้รับบาดเจ็บในฤดูกาลนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้คะแนนของทีมหล่นหาย
แต่ในขณะนี้ แมนฯซิติ้ พยายามแก้ไขปัญหาในเกมรับ ที่พยายามคอมแพคต์ และให้ปีกตัดเข้าในมากขึ้น แต่มันก็เป็นเรื่องที่ง่าย เพราะหลายคนก็เห็นมากหลายครั้ง เขาสามารถคุมเกมได้ จนสุดท้ายกลางครึ่งหลังเจอลูกโต้กลับของ โจวานนี โล เซลโซ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกมนี้จะจบลงอย่างไร
เฟร์ราน ตอร์เรส เคยเล่นริมเส้น และทำผลงานได้อย่างโดดเด่นกับ สเปน เมื่อกลางสัปดาห์ ริยาด มาห์เรซ มักจะเข้ามาช่วนแมนฯซิตี้ เล่นกดดัน มันก็ง่ายที่จะดักทาง ทางเลือกอย่าง เลรอย ซาเน่ ก็ตัดสินใจลาทีม แต่เมื่อมองปัจจัยภายนอกทั้งหมด กวาร์ดิโอลา ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า และไม่ได้ดูใกล้เคียงกับสิ่งที่มต้องการ เขาเป็นหนึ่งในนักคิดในโลกฟุตบอลที่ยิ่งใหญ๋ แต่ที่นี่เขาอาจจะถูกพิจารณาว่าเขาเป็นเหมือนคนบ้า เหมือนที่อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยโดนตั้งข้อสงสัย
เช่นเดียวกัน มาห์เรซ, โรดรี้ และ เจา กานเซโล เกิดจากการทุ่มเงินก้อนโต สูงกว่า 60 ล้านปอนด์ และมีส่วนทำให้แมนฯซิตี้ เก็บได้ 100 แต้ม พร้อมคว้าแชมป์ในฤูดูกาล 2017/18 ซึ่งปีนั้นพวกเขายิงประตูได้ถล่มทลาย พวกเขาต่างพลาดที่เสียท่าให้ ซน ฮึง มิน ตั้งแต่ต้นเกม
โรดรี้ถูกวางให้เป็นตัวแทนของแฟร์นานดินโญ ระยะยาว หลังจากที่จอมเก๋าชาวแซมบ้า ต้องพักยาว ในขณะที กานเซโล เหมือนจะเจอตำแหน่งที่แบ็คซ้าย เนื่องจาก กวาร์ดิโอลา และผู้อำนวยการฟุตบอล อย่าง ซิกิ เบกิริสไตน์ ได้ตัดสินใจที่จะวางเขาเป็นตัวแทนยามที่ เบนจาแมง เมนดี้ ได้รับบาดเจ็บ
ภายนเรื่องทั่วไป มันมีข้อบกพร่องมากมายเกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่านี้เป็นเรื่องง่ายที่จะสรุปเกี่ยวกับตัวของกวาร์ดิโอลา ในตอนนี้ เขาคงไม่พอใจกับสถานการณ์ฬนปัจจุบัน และศักยภาพของนักเตะในอนาคต อย่าง ตอร์เรส และ ฟิล โฏเด้น
แมนซิตี้ ดูเหมือนจะปล่อยถ้วยหลุดมือ มากขึ้นนับตั้งแต่ปี 2016/17 และมีนักเตะความสามารถสูงไม่กี่คน และมีความเสี่ยงที่จะตกต่ำลง ดูเหมือนเป้าหมายการเป็นท็อปโฟร์ อาจจะเพียงพอแล้วสำหรับปีนี้
ที่สำคัญคือ ความแตกต่างที่น่ากลัว คือเขาและเบกิริสไตน์ เคยสร้างมาตรฐานมากมายในทีม การยอมรับว่า 18 เดือนหลังสุด พวกเขาผิดพลาดจากก้าวแรกเยอะพอสมควร ในการพาทีมกลับไปเป็นราชันของฟุตบอลอังกฤษ อีกครั้ง