หน้าแรกมุมสบายๆการมาเยือน บิลเบา ของ มาร์เซโล เบียลซา ในค่ำคืนที่พัดพา เฟอร์กี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

การมาเยือน บิลเบา ของ มาร์เซโล เบียลซา ในค่ำคืนที่พัดพา เฟอร์กี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ความคิดของเขา, แคแรคเตอร์ และการดัดแปลงสิ่งต่างๆ กลายเป็นส่วนหนึ่งของเกมที่นี่ แต่เมื่อปี 2018 ชายคนนี้ ได้เข้ามาเปลี่ยนลีดส์ ยูไนเต็ด อดีตทีมมหาอำนาจ ให้กลับมาเล่นในลีกสูงสุดได้อีกครั้ง ในรอบ 16 ปี หลังจากที่ต้องจมปลักในลีกรองมาตลอด

และตอนนี้ สิ่งที่เขานำมาสู่พรีเมียร์ลีก ก็ตราตรึง หลังพาลีดส์ ประเดิมนัดแรกด้วย 7 ประตู อันสุดเร้าใจ ในการเจอกับ ลิเวอร์พูล ในนัดแรกของ ฤดูกาล 2020/21 ที่จบลงด้วยความพ่ายแพ้ ที่แอนฟิลด์ ไปด้วยสกอร์ 3-4

แต่นี้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่เบียลซา ทำให้ทีมแชมป์จากเกาะอังกฤษช็อค กับระบบสุดแปลก เพราะเมื่อย้อนกลับไปเมื่อปี 2012 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เคยพลาดท่าให้กับเขามาแล้ว ในยูโรป้า ลีก โดย แอธเลติก บิลเบาของเขา ที่ชนะทั้งเกมเหย้าและเกมเยือน ด้วยสกอร์รวม 5-3

สายฟ้าสีน้ำเงิน

เบียลซา ในปี 2012 ในเวลานั้น แทบไม่มีใครรู้จักเขาเลย

นักฟุตบอลในระดับรากหญ้า อย่าง โจนาธาน วิลสัน คงเป็นคนที่อธิบายถึงตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดี ในสมัยที่เขาคุมทีมอย่าง นีเวลล์ โอลด์ บอยส์ ในช่วงต้นทศวรรษที่ 90 ซึ่งเขากลายเป็นปรมาจารย์ของการเล่นเพรสแดนบน

ในขณะที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน ตอนที่อายุยังน้อยอยู่ ติดกับ ไมเคิล โอเว่น จนเสียจุดโทษในเกมฟุตบอลโลกเมื่อปี 2002 มันเป็นสิ่งที่หลอกหลอนเขามาตลอด เพราะมันทำให้ อาร์เจนตินา พ่ายต่อ อังกฤษ ไป 0-1

ในขณะที่ตอนคุมทีมชิลี เขาเลือกที่จะเล่นในระบบ 3-3-1-3 และถูกจับตามองอย่างมากในฟุตบอลโลก 2010 แม้ทีมจะต้องจอดป้ายแค่รอบแบ่งกลุ่ม แต่พวกเขาก็ให้บททดสอบอย่างแท้จริง แก่สเปน ที่ก้าวไปเป็นแชมป์ในภายหลัง

แต่บิลเบา คือ การแจ้งเกิดของเบียลซา อย่างเต็มตัวครั้งแรก ในฟุตบอลยุโรป แม้จะเคยมีเวลาคุมทีมในยุโรปก่อนหน้านั้นสั้นๆกัน เอสปันญอล ก่อนที่เขาจะถูกทีมชาติอาร์เจนตินา ดึงตัวมาคุมทีม มีโค้ชหลายรายที่เคยผ่านการเรียนรู้จากเขา โปเช็ตติโน และ เป็ป กวาร์ดิโอลา และรวมถึง เจอร์เก้น คล็อปป์ ในช่วงที่เข้ามาทำพรีเมียร์ลีกใหม่ๆ ที่นำการเพรสซิ่งอย่างดุดัน เข้ามาสู่ฟุตบอลอังกฤษ ที่มีผู้จัดการทีมมากมาย อาทิ อเล็กซ์ แม็คลีช, สตีฟ คีน, อลัน พาร์ดิว, มาร์ติน โอนีลล์, พอล แลมเบิร์ต, แซม อัลลาร์ไดซ์, โทนี พูลิส, แฮร์รี เรดแนปป์ และ มาร์ค ฮิวจ์ส ในขณะที่หลายคนต่างทำผลงานได้ดีทีเดียว

ในความเป็นจริง มีคนแนะนำว่า โอเวน คอยล์ คือคนที่เหมาะสมที่จะรับงานต่อจาก อาร์แซน เวนเกอร์ ที่อาร์เซนอล ขณะที่ เดวิด มอยส์ ได้เข้ามาทำงานแทน เฟอร์กูสัน ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

และมันเป็นเวลานาน ที่แฟนบอล ไม่เคยรู้เรื่องของค่า xG ว่ามันย่อมาจากอะไรราวกับมันคือเอเลี่ยน ที่มีความซับซ้อนและพลังงานที่บ้าคลั่งจากทีมที่ดีที่ของเบียลซา

การมาเยือน บิลเบา ของ มาร์เซโล เบียลซา ในค่ำคืนที่พัดพา เฟอร์กี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มุมสบายๆ
rtve.es

รองบ่อน

แอธ.บิลเบาของ เบียลซา ได้สิทธิ์มาเล่น ยูโรป้า ลีก หลังจากที่ เฟเนร์บาห์เช โดนขับออกจากแชมเปี้ยนส์ลีกในข้อหาล็อคผลบอล และทำให้ด่านแรกของพวกเขา คือการต้องเดินทางไปตุรกี และเจอกับ ทีมอย่าง แทร็บซอนสปอร์ ก่อนจะผ่านมาได้

โค้ชคนใหม่ต้องใช้เวลาปรับตัวกับการทำงานที่แคว้นบาสก์ เพื่อทำความเข้าใจกัยแนวคิด แอธเลติก เก็บได้แค่ 2 คะแนน จาก 15 นัดแรกในลาลีกา และ ชนะเพียงแค่ 5 จาก 17 นัด จนถึงช่วงคริสมาสต์ แต่พวกเขาก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายขยับขึ้นมาอยุ่อันดับ 5 ของตารางคะแนน และในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ต้องเผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเวลานั้นของ เฟอร์กูสัน ในแชมเปี้ยนส์ลีก 4 ครั้งก่อนหน้านั้น พวกเขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศไปถึง 3 ครั้ง และกำลังมีลุ้นแชมป์ลีก กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก่อนที่พวกเขาจะโดยฉก แชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 5 ในรอบ 6 ปี จากประตูของ เซร์คิโอ อเกวโร ในเกมกับ คิวพีอาร์

พวกเขาเอาชนะ แชมป์ เอเรดิวิซี อย่าง อาแจ็กซ์ มาได้ในรอบ 32 ทีมสุดท้าย หลังจกลงมาเล่นในยูโรป้า ลีก โดยทีมแชมป์จากลีกดัตช์ ในเวลานั้น มีนักเตะอย่าง แยน แฟร์ตองเก้น, โทบี อัลเดอร์ไวเรลด์ และ คริสเตียน อีริคเซน และถือเป็นหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ การเจอกับ แอธ.บิลเบา ในสายตาแมนยูคงไม่ใช่เรื่องยาก

แต่ด้วยองค์ประกอบที่แปลกประหลาด มันกลายเป็นความพิเศษ และมันถือเป็นฉากการเปิดตัว เบียลซิสโม ที่บริสุทธิ์ โดยไม่ผ่านการกรองใดๆ

การมาเยือน บิลเบา ของ มาร์เซโล เบียลซา ในค่ำคืนที่พัดพา เฟอร์กี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มุมสบายๆ
bleacherreport.com

โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แฟนบอลกว่า 8,000 คน เดินทางไปที่แมนเชสเตอร์ โดยมีโควต้าเข้าชมได้แค่ 6,500 คน ซึ่งมันเป็นโอกาสนานทีปีหนที่ทีมของพวกเขาจะได้มาเยือน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และเชื่อว่าพวกเขาก็คงไม่ได้คาดหวังผลลัพธ์อะไรจากเกมนี้มาก

ทีมเยือน มีนักเตะที่มีประสบการณ์เล็กน้อย และมีสตาร์ไม่กี่คน อาทิ ฆาบี มาร์ติเนซ, อันเดร เอร์เรรา และ เฟร์นานโด ยอเรนเต้ ที่เพิ่งเริ่มสร้างชื่อให้กับตัวเอง

มีเพียงแค่ผู้รักษาประตูอย่าง กอร์ก้า อิไรซฮว และ อันโดนี อิราโอลา แบ็คขวาเท่านั้นที่มีอายุเกิน 26 ปี มีพลังในการขับเคลื่อน และทำให้ เบียลซา มีจังหวะการเล่นที่สูง เนื่องจากขุมกำลังเน้นที่เยาวชน และ ความกระหายเป็นหลัก และพวกเขาก็แสดงให้เห็นถึงการขับเคลื่อน ตั้งแต่เสียงนกหวีดแรก จนถึงเสียงนกหวีดสูด

การมาเยือน บิลเบา ของ มาร์เซโล เบียลซา ในค่ำคืนที่พัดพา เฟอร์กี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มุมสบายๆ
elpais.com

โอกาสที่พลาดไป

สิ่งที่หลายคนน่าจะคุ้นเคยอย่างไม่ต้องสงสัยสำหรับทุกคนที่ได้ดู ลีดส์ ของเบียลซา ในแชมเปี้ยนชิพ 2 ปี ที่ผ่านมา มันก็เหมือนกับที่เขาทำที่แอธ.บิลเบา สร้างโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็มีปัญหา ในการจบสกอร์จังหวะสุดท้าย

การเคลือ่นไหวอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีหยุดหย่อน ไปรอบตัวของทีมเฟอร์กูสัน พวกเขาพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จากการฝึกซ้อมในรูปแบบ เมอร์เดอร์บอล แอธ.บิลเบา ครองเกมที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ได้อย่างสมบูรณ์แบบ การกดดันที่ค่อนข้างสูง และทำมันอย่างต่อเนื่อง โดยมีนักเตะถึง 6 คน อยู่ในเขตโทษของแมนยูไนเต็ด

“บางครั้งบาร์เซโลนา อาจจะทำให้คุณดูโ. เพราะพวกเขาเก็บบอลได้ดี” ไรอัน กิ๊กส์ กล่าวหลังจากที่แมนยูไนเต็ด แพ้ 0-2 ในแชมเปี้ยนส์ลีกปี 2009 “บางครั้งเราอาจจะได้ตามได้ แต่ไม่สามารถรักษารูปทรงของทีม”

มันเป็นเรื่องราวที่คล้ายกันในการเจอกับ แอธ.บิลเบา ที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ที่สถิติบอกว่า พวกเขาครองบอลไป 61 เปอร์เซ็นต์ ในครึ่งแรก ก่อนที่จะจบเกมด้วยสถิติ 57.8 เปอร์เซ็นต์ มันมาจากการทำงานหนักและข้อผิดพลาดของทีมเจ้าบ้าน

พวกเขาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว หลังจากต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังอย่างรวดเร็วตั้งแต่นาที 22 จากประตูของ เวย์น รูนีย์ ทั้งที่ แอธ.บิลเบา มีโอกาสมากมาย แต่ส่วนใหญ่ก็ติดบล็อคไปซะหมด

การมาเยือน บิลเบา ของ มาร์เซโล เบียลซา ในค่ำคืนที่พัดพา เฟอร์กี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มุมสบายๆ
Wayne Rooney, skysports.com

ได้ในสิ่งที่พวกเขาสมควรได้

ถ้าไม่พูดถึงเรื่องการจบสกอร์ มันถือเป็นฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมของดาวิด เด เกอา เพราะ เบียลซา ควรจะทำได้อย่างน้อย 3-4 ประตูในเวลานั้น ก่อนที่พวกเขาจะตีเสมอได้สำเร็จ จากการยิงของ ยอเรนเต้ ก่อนจบครึ่งแรก

กองหน้าของพวกเขาทำงานอย่างหนัก เพื่อดึงความสนใจ และก็ได้รับรางวัล หลังจากที่เขาเนตัวพักบอลมาตลอด ก่อนที่เขาจะสอดเข้าไปโขกลูกเปิดของ มาร์เกล ซูซาเอต้า ที่โอเวอร์แลปขึ้นมา และเป็นการเข้าทำที่เพอร์เฟคต์ของยอเรนเต้

เจ้าบ้านอาจจะไม่ได้จัดชุดตัวหลักมากนัก หลังพัก ริโอ เฟอร์ดินานด์, พอล สโคลส์, ไมเคิล คาร์ริค และ แดนนี เวลเบ็ค แต่ทีมก็ยังมีนักเตะตัวหลักอย่าง เด เกอา, ราฟาเอล, ปาทริซ เอฟรา, คริส สมอลลิง, ฟิล โจนส์ ที่ยังแข็งแกร่งในเวลานั้น และยังมี กิ๊กส์, พาร์ค จี ซอล และ รูนีย์ ที่ยืนในแดนหน้าร่วมกับ ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เฟอร์กี้ คงได้เปิดไดร์เป่าผมอัดนักเตะของเขา หลังจากที่พวกเขาจบแค่เป็นอันดับ 2 ในลีก

และมันก็คงไม่ต่างจากเกมที่เจอกับ แอธ.บิลเบา และในช่วงครึ่งหลัง คาร์ริค และ อันแดร์สันก็พลาด หลังจากที่สื่อสารกันไม่ดี และเปิดช่องให้ทีมเยือนเข้าโจมตี

ความกดดันของพวกเขาทำให้พวกเขาพลาดกันเป็นครั้งที่ 2 และในนาที 71 ซูซาเอต้า ก็ยกบอลให้ ออสการ์ เด มาร์กอส ยิงเข้าไป

พวกเขาไม่ได้ถอยลงไปเล่นเกมรับ แม้จะได้ 2 ประตูทีมเยือน และยังคงเดินหน้าเข้าใส่เหมือนกับที่พวกเขาทำในนาทีแรก

และความพยายามนั้นก็”ด้รับสิ่งตอบแทน เมื่อ อิเกร์ มูเนียอิน ที่พุ่งเข้าซ้ำบอล ที่ เด เกอา ปัดออกมาเข้าไป และเป็นประตูที่ 10 ของเขา หลังวิ่งตัดหน้าราฟาเอล ที่ยืนเหม่อในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และส่งผลให้พวกเขากุมความได้เปรียบ แต่แล้วท้ายเกมก็เกิดเรื่องดรามา หลังรูนีย์ มายิงจุดโทษ ในนาทีที่ 92 ทำให้สกอร์จบลงที่ 3-2 และทำให้พวกเขายังมีโอกาส และมันไม่น่าจะแฟร์เท่าไหร่ กับจังหวะแฮนด์บอล ของ เด มาร์กอส ที่ยากจะอธิบาย

แต่ เลกสอง มันแทบจะเป็นเรื่องราวเดียวกันที่ ซาน มาเมส บรรดาแข้งของบิลเบายังคงมีความมุงมั่นและกดดันอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสถึง 18 ครั้ง ขณะที่แมนยู มีแค่ 2 ครั้ง และเป็นอีกครั้งที่ รูนีย์ มายิงในช่วงท้ายเกม

การมาเยือน บิลเบา ของ มาร์เซโล เบียลซา ในค่ำคืนที่พัดพา เฟอร์กี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มุมสบายๆ
mufcfollowers.blogspot.com

เครื่องหมายที่ลบไม่ออก

“มันไม่ใช่แค่ความสามารถของพวกเขาเท่านั้น แต่พลังของพวกมันเหลือเชื่อมาก มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมของพวกเขา” เฟอร์กูสัน กล่าวหลังจบเกม “ในแง่ของระยะทางการวิ่ง นี่คือทีมที่มีสถิติสูงที่สุด ที่มาเล่นที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และต้องยกเครดิตอันยิ่งใหญ่ ให้กับความกระหายของทีม”

“หลังเกมนั้น ผมจำได้ว่าผมได้คุยกับ นักวิเคราะห์เกมของเรา เขาพูดถึง 3 ครั้งว่า ต้องดูสถิติ มันเกินมาตรฐาน” แกรี เนวิลล์ เล่าในภายหลัง

“ไม่เคยเลยที่เขาจะได้เห็นอะไรแบบนี้ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด”

แต่โค้ชของแมนยู ไม่ใช่คนเดียวที่ถูกทิ้งให้ตกตะลึงกับฟอร์มของ แอธเลติก บิลเบา แต่เบียลซา ถูกยกให้เป็นเหมือนฮีโร่ รวมถึงจ้าวลัทธิจากแฟนบอลของบิลเบา เหมือนอย่างที่ แฟนของนีเวลล์ ต่างรู้จักเขาและบางคนถึงกับเดินทางมาที่อังกฤษ เพื่อดูงานของเขาที่ลีดส์ หลังจากที่อ่านจากสื่อของอังกฤษ

“บิลเบา ทำผลงานได้เยี่ยมมาก ราวกับพวกเขาเป็นเจ้าของโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดเสียเอง” พอล ดอยล์ จากเดอะ การ์เดียน เขียน

“แชมป์ลีกอังกฤษ ต้องอับอายกับการทำงานหนักที่เหนือกว่า ทั้งการส่งบอล การเคลื่อนที่ และการจบสกอร์ของทีมอันดับ 5 ของสเปน” เฮนรี วินเทอร์ เขียนลงใน เทเลกราฟ

“อาร์เจนตินาได้เติมชีวิตให้ให้กับสโมสรจากบาสก์ และได้รับการสนับสนุนอย่างแรงกล้า และจะสามารถสานต่อความฝันให้เป็นจริงหลังร้างราจากถ้วยแชมป์มานานถึง 28 ปี” โจนาธาน จูเรจโก พูดในรายการ บีบีซี แมตช์ รีพอร์ต

ท้ายที่สุดพวกเขาก็พลาดที่จะเป็นแชมป์ หลังจากที่ในรอบชิงบอลุ้วย พวกเขาพ่ายต่อ บาร์เซโลนา และ แอตเลติโก มาดริด แต่คงมีไม่กี่คนที่จะลืม หนึ่งในผลงานที่ดีที่สุดของสโมสรในประวัติศาสตร์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -

ที่นิยมมากที่สุด