ตั้งแต่วันที่ 26 พฤษภาคม 2019 อองรี ไซเวต์ ไม่ได้เล่นฟุตบอลระดับท็อปในประเทศเลย นั้นไม่ใช่เรื่องดีสำหรับนักเตะที่มีอายุ 30 ปี ที่ครึ่งหนึ่งเคยได้รับการยกย่องว่าเป็น เธียร์รี อองรี คนต่อไป
การแข่งขันมันไม่ใช่เกมแห่งความทรงจำ แม้จะชนะไป 2-1 แต่ บูร์ซาสปอร์ ที่ยืมตัวเขาไปใช้งาน ก็ตกชั้นจาก เตอร์กิช ซูเปอร์ลีก เนื่องจากผลการแข่งขันเกมอื่นๆ
ไซเวต์ ได้เปิดตัวในรายการที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิมในสองเดือนต่อมา หลังจากเขาเป็นหนึ่งในชุนพลของเซเนกัล ในรอบสุดท้ายของ แอฟริกัน เนชันส์ คัพ พร้อมสวมเสื้อเบอร์ 10 ที่ได้มาจากการแย่ง ซาดิโอ มาเน่ ซูเปอร์สตาร์เพื่อร่วมทีม โดยมีหน้าที่การพาทีมชาติคว้าแชมป์ระดับนานาชาติครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติพวกเขา
อย่างไรก็ตาม เซเนกัล แพ้ต่อ แอลจีเรีย 0-1 และก็ไม่ได้เห็น ไซเวต์ มาตั้งแต่นั้นมา จนหลายคนเกือบจะหลงลืมเขาไปแล้ว
มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัยที่ ไซเวต์ อยู่กับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด มาตั้งแต่เดือนมกราค 2016 โดย สตีฟ แมคลาเรน ตัดสินใจซื้อเขามาจาก บอร์กโดซ์ ในฝรั่งเศส ด้วยราคา 5 ล้านปอนด์ เขาเคยเป็นวอนเดอร์คิดของ ลีกเอิงมาก่อน หลังก้าวขึ้นมาเล่นกับทีมอาชีพอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามการย้ายทีมของเขา ถูกจับตามองอย่างมาก ว่าเป็นการย้ายทีมที่แย่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก
ไซเวต์ ได้รับค่าเหนื่อยประมาณ 35,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และได้โอกาสลงสนามไม่กี่ครั้งในฤดูกาลที่ นิวคาสเซิลต้องตกชั้นหลังจบฤดูกาล 2015-15 และหลังจากนั้นเขาก็ถูกปล่อยยืมไป 3 ครั้งติด
เขาได้เล่นในเกมลีกไปเพียงแค่ 5 นัดเท่านั้น โดยหากตีค่าแล้วเขามีค่า 1 ล้านปอนด์ ต่อเกมเลยทีเดียว เขาอยู่กับทีมมาเกือบสองปี แต่แทบไม่ได้โอกาสเล่นกับทีมชุดใหญ่เลย
ชายแปลกหน้าผู้นี้ก็ยังคงอยู่ แม้จะได้เล่นในลีกแค่ 5 นัด โดยเขาสร้างอิมแพคต์ อย่างมาก ในการปั่นฟรีคิกโค้งเข้าไปสวยงามให้ ทีมเอาชนะ เวสต์แฮม ไป 3-2 เมื่อเดือนธันวาคม 2017
อองริ มันเกิดอะไรขึ้นกับตัวคุณ
Henri, what happened to you?
Random Goal Of The Day –
Henri Saivet Free Kick against West Ham 🔥 pic.twitter.com/nr1VbGhXsh
— Newcastle United Times (@Newcastle_Times) June 5, 2020
เด็กที่มีอายุ 30 ปี
เกมฟุตบอลนัดสุดท้ายของไซเวต์ ล่าสุด ที่เขาลงเล่น โดยมีกรรมการและไม่ต้องสวมบิ๊บ มันคงดีว่าที่เขาตกชั้นกับทีมในตุรกี หรือการพาเซเนกัล ตกรอบ แอฟริกัน คัฟ ออฟ เนชันส์
เขาช่วยเหลือเพื่อนร่วมทีมได้ดีมาก อย่างยืมเป็นกองกลางตัวรับ และก็ช่วยทีมให้เอาชนะได้ แต่คู่ต่อสู้ของเขาคือ นอริช U23 ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย
จากนั้นมาในช่วงปลายเดือนมีนาคม ปี 2021 ไซเวต์ ได้โอกาสลงเล่นเป็นนัดที่ 4 กับทีมสำรองของนิวคาสเซิลในฤดูกาลนี้
เขาถูกกล่าวถึงในเรื่องของการเป็นกองหลังให้กับทีม ในการเจอกับ โบโร่ U23 อย่างไรก็ตามเราต้องพูดว่า ไซเวต์ แค่วิ่งไปมารอบๆ แดนกลางต่อหน้าบรรดา เซนต์บิวรี ที่สมัครสมาชิกเข้ามาเพื่อชมการแข่งขัน
มิดเดิลสโบรช์ พยายามค้นหาไฮไลท์ แต่ที่แย่กว่านั้น เกมระดับเยาวชนนัดล่าสุดของไซเวต์ มันไม่ได้แตกต่างจาก 2 ฤดูกาลก่อนหน้านี้
เขาไมได้เล่นเลยในฤดูกาล 2019/20 ไม่ได้โอกาสเลยแม้แต่กับทีม U23 ในเดือนมกราคม 2020 สตีฟ บรูซ กล่าวถึงเขาสั้นๆ ว่าเขาพร้อมย้ายทีม และต้องหาทีมให้เขาสักที่
ไซเวต์ ได้ถ่ายภาพรวมร่วมกับทีมในปี 2019/20 แม้ว่าจะไม่ได้รับหมายเลขจากทีม ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างลำบากใจ แต่มันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เมื่อเริ่มฤดูกาล 2020/21 ไม่มีทีมไหนที่ไมได้รับผลกระทบจากโควิด และหลายทีมก็ไม่กล้าเสี่ยงกับอดีตสตาร์รายนี้
ในเดือนกันยายน ปี 2020 บรูซ กล่าวว่า “อองรี อยู่กับทีมตั้งแต่ผมเข้ามาคุมทีม เราพยายามปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ เขาซ้อมทุกวันและมีความมืออาชีพมาก”
La Belle Epoque
เมื่อคุณพิจารณา สถานการณ์ปัจจุบันของ ไซเวต์ คุณจะอดไม่ได้ ที่จะนึกถึงเขา ในช่วงปี 2007 ตอนที่เขาอายุ 16 ปี เขากลายเป็นนักเตะชุดใหญ่ของบอร์กโดซ์ ที่อายุน้อยที่สุด
ในฤดูกาล 2007-08 เขาได้โอกาสเปิดตัวในพรีเมียร์ลีก ด้วยการเป็น 1 ใน 3 ตัวสำรองที่ได้ลงสนามในเกมที่เสมอ ซันเดอร์แลนด์ 2-2 ส่วนตัวสำรองอีกสองคน ก็๕อ ดาวิด เบลลิงยง ที่มีปัญหาในการปรับตัวกับพรีเมียร์ลีก กับ ซันเดอร์แลนด์ ในปี 2002 ในขณะที่ กาเบรียล โอแบร์กตอง ได้มีความสุขกับ นิวคาสเซิล ในเวลาต่อมา
เกี่ยวกับช่วงเวลานี้ ไซเวต์ ได้รับความสนใจอย่างมาก เขาได้รางวัลวอนเดอร์คิด ทีเป็นที่ต้องการของผู้จัดการทีมในเกม Football Manager 2008 หลังจากได้รับการขนานนามว่าเป็น เธียร์รี อองรี คนต่อไป โดยสื่อมวลชนฝรั่งเศส
ผลงานของเขาในทีมรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี และชุดอายุต่ำกว่า 17 ปีของฝรั่งเศส ทำให้โปรไฟล์ของเขาดีขึ้น ก่อนที่เขาจะเลือกเซเนกัล และมีข่าวลืออกมา ว่าเขาจะย้ายไปอยู่กับอาร์เซนอลในอีกไม่กี่ปี
อย่างไรก็ตามการตัดสินความสำเร็จของ ไซเวต์ ในช่วงแรก มันดูไม่ยุติธรรมเท่าไหร่ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นเหมือนเธียร์รี อองรี แต่ชาวเซเนกัล ก็ไม่ได้เอาเขาไปเทียบกับ เชอร์โน แซมบ้า หรือ ฟาบิโอ ปาอิม
ในฤดูกาล 2012/13 ไซเวต์ ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง ในการเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของบอร์กโดซ์ ซึ่งสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแดนหน้า ในปีนั้นเขาทำไป 9 ประตู จากทุกรายการซึ่งดีที่สุดตลอดการค้าแข้ง
ในเฟรนช์ คัพ รอบชิงชนะเลิศ บอร์กโดซ์ ต้องเจอกับ เอวิยอง และ ไซเวต์ ก็ยิงประตูต่อสุดสวยต่อหน้าแฟนบอล 77,000 คน และช่วยให้ทีมของเขาชนะไป 3-2
ไม่กี่เดือนต่อมา เขาได้เดตัวกับทีมชาติเซเนกัล และเขาก็เป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงที่ บอร์กโดซ์ จนกระทั่งปี 2016
เกือบจะอิสระ
อาจจะเป็นมุมที่น่าเศร้าสำหรับ สถานะของ ไซเวต์ ที่ถูกมองว่าเป็น วอนเดอร์คิด ตกอับคือเท่าที่เราสามารถบอกได้เลยคือเขาไม่ได้ด้อยลงในเรื่องของความสามารถ หรือจำนวนประตู แต่ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นกองกลาง หลังจากที่เล่นตัวรุกมาตลอด
เขายังมีน้ำหนักน้อยมาก เขาไม่ได้เป็นสัตว์เลี้ยง แม้เขาจะเล่นให้นิวคาสเซิล U23 แต่ยังคงเป็นนักเตะคนเดียวที่ได้แชมป์เฟรนช์ คัพ กับ บอร์กโดซ์
อาลิอู ซิสเซ่ ผู้จัดการทีม เซเนกัล ที่เคยเล่นกับ เบอร์มิงแฮม และ พอร์ทสมัธ จัดอันดับให้ ไซเวต์ เป็นกองกลางตัวรุกที่ดีที่สุดในประเทศ ในช่วงวสองปีที่แล้ว และเลือกเขาก่อนหน้านักเตะชื่อดังอย่าง เกอิต้า บัลเด้
บางที ซิสเซ่ อาจจะคิดอย่างนั้น ถ้าหากไซเวต์ เล่นอยู่ที่อื่น ที่ไม่ใช่ เซนส์บิวรี ที่ยิ่งใหญ่ในมิดเดิลสโบรช์
สัญญาของนักเตะจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์นี้ หลังจากที่ 5 ปี ครึ่งที่นิวคาสเซิล น่าจะโล่งใจพอสมควร หลังจากที่ลดภาระทางการเงินจาก ไซเวต์ บรูซ เคาระในความมืออาชีพของเขาเสมอ และดูเหมือนจะหมดไปในช่วงไม่กี่เดือนทีผ่่านมา
หลังจากที่เหลือนักเตะว่างในการส่งชื่อ 25 คน ในพรีเมียร์ลีก เมื่อเดือนมกราคม ปี 2021 โค้ชตัดสินใจไม่ใส่ชื่อของนักเตะอีกคน หลังจากที่ คริสเตียน อัตซู เจ็บ
บรูซ พูดอย่างจริงใจว่า “มันมีแค่ตัวเขา หรือ อองรี ไซเวต์ ที่ต้องเลือก ดังนั้นมันจึงค่อนข้างง่าย”
แต่อดคิดไม่ได้ว่านี่ไม่ได้เป็นความผิดของอดีตวอนเดอร์คิด เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทีมในลีกเอิง จะให้โอกาสเขาในการกอบกู้ช่วงเวลาที่หายไปในชีวิตการค้าแข้งของเขา