กองหน้าจอมเก๋าทีมชาติอิตาลีที่เพิ่งโชว์ฟอร์มเจิดจรัสกับ ซาสซูโอโล่ เมื่อช่วงฤดูกาลก่อน หลังกระหน่ำประตูในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ไปได้มากถึง 21 ลูกจากการลงสนามทั้งหมด 36 เกม จึงได้รับโอกาสให้แจ้งเกิดในเกมระดับชาติเรียบร้อยแล้ว เพราะถูกเรียกตัวไปรับใช้ทัพลูกหนัง “อัซซูรี่” เป็นครั้งแรกในวัย 33 ปีแล้วนั่นเอง และสามารถสอยตาข่ายได้ตั้งแต่นัดแรกที่ลงประเดิมสนามเป็นตัวจริงให้บ้านเกิดอีกด้วย โดยซัลโวได้หนึ่งเม็ดในเกมอุ่นแข้งที่เปิดบ้านไล่ถล่ม มอลโดว่า ด้วยสกอร์ครึ่งโหล 6-0 นั่นเอง จึงเป็นเหมือน “ขิงแก่” ที่แม้จะสูงวัยไปตามกาลเวลา แต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเผ็ดร้อนที่เพิ่งจะปล่อยของออกมาตามประสบการณ์ในช่วงบั้นปลายของอาชีพค้าแข้งเหมือนอย่างตำนานหัวหอกชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ไม่มีผิด
ย้อนหลังกลับไปในช่วงทศวรรษ 90 ลูก้า โทนี่ ได้เริ่มอาชีพค้าแข้งกับ โมเดน่า ในปี 1994 แต่ไม่สามารถแจ้งเกิดได้เหมือนอย่างที่หวัง จึงกลายเป็น “จอมพเนจร” ได้ย้ายไปโชว์ฝีเท้ากับอีกหลายๆ สโมสรในอิตาลี ไม่ว่าจะเป็น เอ็มโปลี, ฟิออเรนซูโอล่า, โลดิเกียนี่, เตรวิโซ่, วิเซนซ่า และ เบรสชา ซึ่งได้เล่นเคียงข้างกับ 2 อดีตดาวเตะระดับโลกอย่าง “เทพบุตรเปียทองคำ” โรแบร์โต้ บักโจ้ และ “เป๊ป” โจเซฟ กวาร์ดิโอล่า มาแล้วด้วย ก่อนจะมาเริ่มฉายแววโด่งดังเมื่อตอนที่ย้ายไปอยู่กับ ปาแลร์โม่ เมื่อปี 2003 แม้ว่าตอนนั้นจะมีอายุมากถึง 30 ปีแล้วก็ตาม แต่สามารถสอยตาข่ายได้มากถึง 30 ประตู และมีส่วนช่วยให้ต้นสังกัดเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดของประเทศจากการคว้าแชมป์เซเรีย เบ ในช่วงซีซั่นนั้นได้สำเร็จ ทำให้ มาร์เซลโล่ ลิปปี้ กุนซือทีมชาติอิตาลีเรียกมารับใช้บ้านเกิดเป็นครั้งแรกในเกมอุ่นแข้งที่บุกไปชนะ ไอซ์แลนด์ 2-0 เมื่อปี 2004
หลังจากนั้น โทนี่ ได้ย้ายโด่งดังเป็นพลุแตกกับ “ม่วงมหากาฬ” ฟิออเรนติน่า ในปี 2005 แม้ตอนนั้นจะมีอายุมากถึง 31 ปีแล้วก็ตาม แต่ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงจากการซัลโวตาข่ายในเกมลีกสูงสุดเมืองมะกะโรนีได้มากถึง 31 ประตู จึงได้ครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของกัลโช่ เซเรีย อา ในฤดูกาล 2005/2006 และคว้ารางวัล “รองเท้าทองคำ” ในฐานะดาวยิงสูงสุดของลีกลูกหนังยุโรปประจำฤดูกาลนั้นไปด้วย ก่อนจะต่อยอดไปสู่การติดทีมชาติอิตาลีชุดสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2006 ที่ประเทศเยอรมนี โดยสอยตาข่ายในทัวรนาเมนต์ดังกล่าวได้ 2 ประตูจากเกมรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่ไล่ถลุง ยูเครน 3-0 ซึ่งเป็นเหมือนใบเบิกทางให้ได้ย้ายไปค้าแข้งในลีกต่างแดน
เนื่องจาก “เสือใต้” บาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่แห่งศึกบุนเดสลีกา เยอรมนี ได้คว้าตัวมาร่วมทีมในปี 2007 และสามารถคว้าตำแหน่งดาวซัลโวลีกสูงสุดเมืองเบียร์ได้ทันทีจากการสอยตาข่ายได้มากถึง 24 ลูก หลังจากนั้นชีวิตค้าแข้งของ ลูก้า โทนี่ ยังคงไว้ลายยอดดาวยิงขิงแก่ในวัยดึกสุดๆ แม้จะกลับมาเป็นนักเตะจอมพเนจรที่ได้ย้ายไปค้าแข้งกับอีกหลายๆ สโมสรอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็น โรม่า, เจนัว, ยูเวนตุส, อัล นาเซอร์, ฟิออเรนติน่า รวมถึง เวโรน่า ซึ่งเป็นทีมสุดท้ายในอาชีพค้าแข้ง แต่ยังสามารถยิงประตูให้กับทุกทีมได้แบบเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะการคว้าครองดาวซัลโวกัลโช่ เซเรีย อา เมื่อตอนสมัยที่ย้ายไปอยู่กับ เวโรน่า ในฤดูกาล 2014/2015 ด้วยจำนวน 22 ประตู ก่อนจะตัดสินใจ “แขวนสตั๊ด” เลิกเล่นฟุตบอลในปี 2016 ด้วยวัย 40 ปีเลยทีเดียว
ทำให้ คาปูโต้ มีโอกาสเดินตามรอยเท้าของ โทนี่ ได้เหมือนกัน หากตัดเรื่องของอายุอานามที่ไม่น่าจะใช่อุปสรรคในอาชีพค้าแข้งออกไปได้เลย เนื่องจากกองหน้าวัย 33 ปีเป็นหนึ่งในนักเตะจอมพเนจรที่เคยย้ายไปล่าตาข่ายให้กับหลายๆ สโมสรในลีกระดับล่างมาก่อนเหมือนกันเลย ไม่ว่าจะเป็น บารี่, ซาแลร์นิตาน่า, เซียน่า, รวมถึง เอ็มโปลี เป็นต้น และถ้าจะว่าไปแล้วในวงการลูกหนังอิตาลีเคยมีกองหน้าจอมเก๋าที่เพิ่งมาแจ้งเกิดตอนแก่ตามอายุในช่วงบั้นปลายอาชีพค้าแข้งอยู่หลายคนเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็น ดาริโอ ฮุบเนอร์ อดีตกองหน้าที่เคยสร้างชื่อกับ เบรสชา, อีกอร์ พรอตตี้ อดีตดาวยิงที่เคยโด่งดังกับ บารี่ รวมถึง คริสเตียโน่ ลูคาเรลลี่ อดีตหัวหอกที่เคยไว้ลายกับ ลิวอร์โน่ มาก่อนด้วย
แต่อยู่ที่ว่า คาปูโต้ จะสามารถรักษาความเป็นยอดดาวยิงฟอร์มแรงในช่วงหลังแจ้งเกิดตอนแก่เอาไว้ได้เหมือนอย่าง โทนี่ หรือไม่ โดยเฉพาะในยามลงสนามรับใช้ทีมชาติอิตาลี ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่งความหวังใหม่ในแนวรุกของทัพลูกหนัง “อัซซูรี่” ด้วยเหมือนกัน