เราได้ติดตามเขาอย่างใกล้ชิดในการเล่นของดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศส หลังการจากไปของ 2 ตำนานแห่งบาวาเรีย อย่าง ฟรองค์ ริเบรี และ อาร์เยน ร็อบเบน ที่เป็นตัวหลักของสโมสร และประเทศตัวเอง และ ยังยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ในการเจอกับทีมเก่าของเขา อย่าง เปแอสเช
1. การคว้าแชมป์อย่างต่อเนื่อง
ถ้า ดานี อัลเวส คือนักเตะที่คว้าแชมป์มาครองมากที่สุด ตอนนี้ โคม็อง อยู่ในตำแหน่งที่ดีในการทำลายสถิติของชาวบราซิเลียน ตัวรุกของบาเยิร์น มีสถิติที่น่าเหลือในการคว้าแชมป์ลีกทุกฤดูกาล นับตั้งแต่ที่เขาเล่นฟุตบอลอาชีพ ด้วยการเริ่มต้นฤดูกาล 2012/13 เป็นแชมป์ลีก เอิง กับ เปแอสเช และหลังจากนั้น โคม็องก็คว้าแชมป์ลีกอีก 9 สมัย ทั้งที่ฝรั่งเศส, อิตาลี และ เยอรมัน และหลังจบฤดูกาล 2019/20 ทำให้เขาคว้าแชมป์ฟุตบอในประเทศไปแล้ว 11 ถ้วย กับบาเยิร์น ลูกโขกของเขา ในการเจอกับ ทีมเก่า ทำให้เขาได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกเป็นครั้งแรก สำหรับผู้ที่เกิดที่ปารีส นี่ถือเป็นค่ำคืนที่น่าจดจำ
2. เกิดและเติบโตที่ปารีส
การเกิดอยู่ในย่านชานเมือง อาจจะบอกว่านั่นไม่ใช่เมืองหลวงของฝรั่งเศส แต่โคม็อง เติบโต ในเขตชานเมืองของ ปารีส ก่อนจะย้ายมาอยู่กับเปแอสเช เมื่ออายุ 9 ขวบ เขาเริ่มเล่นกับสโมสรท้องถิ่น อย่าง เซนนาร์ต มอยส์ซีย์ พ่อของเขาเป็นแฟนตัวยงของ ทีมยักษ์ฝรั่งเศส และชัยชนะที่ลิสบอน อาจจะทำให้บ้านของเขาแตก
“เขามีความสามารถ, ประสบความสำเร็จ และ ฉลาดมากๆ” พาทริค กอนฟาโลเน่ โค้ชทีมชาติฝรั่งเศศ U17 กล่าวไว้เมื่อปี 2012 ซึ่งตอนนั้น โคม็อง เพิ่งอายุ 16 ปี “การอ่านเกมและเทคนิคของเขาโดดเด่น และมันทำให้เขาสุดยอดมาก และไม่มีนักเตะรุ่น U17 คนไหนที่อยู่ระดับเดียวกับเขา เขาเล่นให้สโมสรในรุ่น U19 และ เขากลายเป็นนักเตะที่ดีที่สุดไปแล้ว”
3. เปแอสเช
เมื่อคนส่วนใหญ่โฟกัสแต่เรื่องของประวัติศาสตร์ แต่ โคม็อง ลงมือทำมัน ด้วยวัย 16 ปี 8 เดือน และ 4 วัน เขาถูกส่งลงสนามแทนที่ของ มาร์โก แวร์รัตติ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2013 ในเกมที่ เปแอสเช ชนะ โชโชซ์ 3-2 ในลีก เอิง เป็นเวลา 3 นาที และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่ลงสนามให้กับ แชมป์จากฝรั่งเศส มันควรจะเป้นการแจ้งเกิดที่ยอดเยี่ยมของโคม็อง ที่ ปาร์ค เดส์ แปรงค์ แต่ เขาก็ได้โอกาสลงเล่นให้ทีมในลีกอีกเพียงแค่ 2 เกม และหลังจากนั้น ก็กลับมาหลอกหลอนทีมเก่า เมื่อพวกเขาต้องพ่ายในการเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรก ด้วยมือของโคม็อง (หรือว่าจะเป็นหัว)
4. ย้ายไปยูเว่
โคม็องสร้างชื่อให้ตัวเองในระดับหนึ่ง และแน่นอนว่ามันมากพอที่จะทำให้เขาได้รับความสนใจ เหมือนตอนที่ ปอล ป็อกบา อยู่กับ เลอ อาร์ฟ และเขาเลือกที่จะปฏิเสธข้อเสนอการเป็นนักฟุตบอลอาชีพจาก เปแอสเช ในขณะที่ ป็อกบา เลือก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะไป ยูเวนตุส เพื่อนร่วมชาติอย่าง โคม็อง เลือกที่จะมุ่งหน้าไปที่ตูริน ทันที
“ผมไม่เสียใจเลยที่ย้ายออกจาก ปารีส” เขากล่าวในภายหลัง โคม็ฮง ได้เล่นในเซเรีย อา ไปทั้งหมด 14 เกม ก่อนจะช่วยทีมคว้าแชมป์ลีก อิตาเลียน และยังได้โอกาสกับ เบียงโคเนรี ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
5. ย้ายไปอยู่บาเยิร์น ด้วยการยืมตัว
หลังจากได้รับโอกาสมากมายในอิตาลีไม่นาน โคม็อง ก็ย้ายทีมอีกครั้ง คราวนี้เขาได้โยกจากตูริน ไปมิวนิค ด้วยสัญญายืมตัว 2 ปี ในเดือนสิงหาคม 2015 หลังจากที่ได้เล่น 1 ฤดูกาล ในเซเรีย
“คิงส์ลีย์ โคม็อง คือหนึ่งในนักเตะที่พรสวรรค์สูงที่สุด ในฟุตบอลยุโรป” มัทธีอัส ซามเมอร์ ผู้อำนวยการกีฬา บาเยิร์น ในขณะนั้น กล่าวหลังจากที่เขาย้ายมาร่วมทีม
หลังจากนั้นไม่นาน โคม็อง ที่ติดทีมชาติฝรั่งเศส U21 ก็ตอบสนองต่อคำพูดของซามเมอร์ เมื่อเขาจบปีแรกที่เยอรมัน ด้วยการทำไป 6 ประตู และ 12 แอสซิสต์ จากการลงสนามทั้งหมด 35 นัด และช่วยให้บาเยิร์ฯ คว้าแชมป์ลีก และ บอลถ้วยอีก 2 รายการ
6. สร้างความประทับใจให้กับคนที่ใช้
มันไม่น่าแปลกใจเลย ในตอนที่ บาเยิร์น ประกาศว่าพวกเขาวางแผนที่จะคว้าตัวปีกรายนี้มาร่วมทีมอย่างถาวร ในช่วงเดือนเมษายน 2017 “เขามีพรสวรรค์ และมีศักยภาพที่จะทำผลงานที่ยอดเยี่ยมออกมา” คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ซีอีโอ บาเยิร์น กล่าวถึง ดาวเตะเฟรนช์แมน – ตัวเขาเองมีประสิทธิภาพที่สูง และคว้าโอกาสได้เสมอ ยามได้ลงสนาม “เขาเป็นหนึ่งในนักเตะของทีมในอนาคต เราเชื่อมั่นว่าเขาจะสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเอง และนั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจเซ็นสัญญากับเขา”
ในปีต่อมา จุ๊ปป์ ไฮน์เกส กลับมาเป็นผู้จัดการทีมบาเยิร์น หลังจากที่ โคม็องเพิ่งเซ็นสัญญาสดๆร้อน เป็นระยะเวลา 6 ปี และคว้าแชมป์ลีกอีกครั้ง และอีกไม่นาน เขาก็สร้างความประทับใจในฐานะชาวบาวาเรียน และ โคม็อง ก็เป็นแชมป์ เยอรมันอีกครั้ง
“เขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า” ไฮน์เกส กล่าวเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2018 เกี่ยวกับตัวของปีกพรสวรรค์สู. “ในอนาคต เขาจะพาทีมประสบความสำเร็จได้แน่นอน บางทีเขาอาจจะกลายเป็นนักเตะชั้นนำอย่างเต็มตัว”
7. ความโชคร้ายจากอาการบาดเจ็บ
ด้วยสาเหตุที่คู่ต่อสู้ เอาเขาไม่ค่อยอยู่ ทำให้ โคม็ฮงต้องได้รับบาดเจ็บ ในเดือนสิงหาคม 2016, กุมภาพันธ์ 2018 และ สิงหาคม 2018 ริมเส้นจอมพลิ้วต้องได้รับบาดเจ็บที่ ข้อเท้า – ปัญหาที่หัวเข่า และ ข้อเท้า ทำให้เขาทำได้แต่เล่นเวทในช่วงปลายปี 2016
สิ่งที่ชัดเจนคือ การบาดเจ็บทำให้เขาต้องพลาดช่วย ฝรั่งเศส คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2018 แม้ว่าบาเยิร์น จะต้องตกเป็นฝ่ายตามหลัง โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในเลกแรกของ ฤดูกาล 2018/19 “การหายไปของเขาส่งผลกระทบต่อเราเป็นอย่างมาก” นิโก้ โควัช กล่าวในช่วงเดือนมกราคม 2019 หลังจากที่โคม็อง กลับมาลงสนามได้อีกครั้ง “ผมรู้ว่ามันยากที่จะพิสูจน์ แต่ในความคิดของผม ถ้าเขาไม่เจ็บ ช่องว่างในหัวตารางคงจะไม่มากขนาดนี้ (ในเวลานั้นมีแต้มห่าง 6 คะแนน)”
“เราตามพวกเขาไม่ไกล และอาจจะไปได้ไกลกว่านี้ ผมรู้คุณภาพของเขาเป็นอย่างดี และพวกเขาก็รู้คุณสมบัติของเขาดี นั่นคือสิ่งที่ทีมต้องการ”
โควัช ดูเหมือนจะมีปัญหาในเลก 2 ของฤดูกาล โคม็อง ยิงในลีกไปทั้งหมด 6 ประตู และช่วยให้ บาเยิร์น แซงหน้า ดอร์ทมุนด์ และเป็นการคว้าแชมป์ลีก สมัยที่ 4 ของเขาในการมาอยู่กับทีมเป็นปีที่ 4
8. โคม็อง กับ เลส เบลอส์
โคม็อง ติดทีมชาติชุดใหญ๋ครั้งแรกในเกมอุ่นเครื่องกับ เยอรมีน ในเดือนพฤศจิกายน 2015 และ ทัพตราไก่ ในตอนนั้น เขาแทบจะเป็นกำลังหลักเมื่อฟิตสมบูรณ์
และเขาก็ได้โอกาสในเกมนัดเปิดสนาม ยูโร 2016 ที่พบกับ โรมาเนีย และทำให้เขากลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดของฝรั่งเศศ ที่ได้เล่นในฟุตบอลโลก หรือ เกมยูโร ก่อนที่เขาจะได้รับรางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมลำดับที่ 2 ของทัวร์นาเมนต์นี้ โดย รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมตกเป็นของเพื่อนร่วมทีมในเวลานั้น อย่าง เรนาโต้ ซานเชส กองกลางของทีมชาติโปรตุเกส ส่วนอันดับ 3 เป็น ราฟาเอล เกร์เรโร ของดอร์ทมุนด์
9. รักงานของเขา
เช่นเดียวกับนักฟุตบอลส่วนใหญ่ สำหรับ โคม็อง ฟุตบอลไม่ใช่เรื่องน่าเบื้อ โดยเฉพาะเมื่อคุณต้องพลาดการลงสนามเพราะอาการบาดเจ็ฐ ซึ่งมันเทียบไม่ได้เล่นกับการเป็นตัวหลักของทีม
“หัวใจของคุณกำลังอยู่ในการแข่งขัน” โคม็อง กล่าวกับ L’Equipe ในเดือนมีนาคม 2016 หลังจากทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ในการซัดประตูใส่ ยูเวนตุส ทีมเก่าของเขาในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
“คุณมีความสุขที่สามารถนำบางสิ่งบางอย่างมาสู๋ทีม คุณไม่มีอะไรอีกแล้ว ที่จะทำให้ผมหลงใหลได้ขนาดนี้ อารมณ์แบบนี้มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ และฟุตบอล ผมอยู่กับมันมาเกือบตลอดชีวิต ตั้งแต่ผมไปเยอรมัน ในปารีส คุณก็มีเพื่อนของคุณ ฉละสิ่งต่างๆในเกม”
10. ไม่ใช่ นิว ริเบรี
เมื่อ เส้นทางของ ริเบรี กับ บาเยิร์น ยุติลง โคม็องก้าวขึ้นมาเนตัวหลัก และถูกจับไปเปรียบเทียบอย่างหลีกเลี้ยงไม่ได้ เพราะทั้งคู่ต่างเป็นชาวฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม ขณะที่เขารู้สึกขอบคุณที่ถูกยกให้เป็นทายาท และยอมรับว่าริเบรี มีผลต่อพัฒนาการของเขา โคม็อง ยอมรับว่าเขาอยากสร้างชื่อของเขาเองที่มิวนิค
“ในช่วงแรก ฟรองค์ ช่วยผมเยอะมาก” โคม็อง กล่าวกับ Kicker ในปี 2019 “ทั้งในการแข่งขัน, การฝึกซ้อม และการใช้ชีวิตประจำวัน เขาอยู่กับผมตลอดเวลา ราวกับเป็นพี่ชายของผม ฟรองค์มีบทบาทต่อการเป็นนักฟุตบอลของผม รวมถึงการเป็นมนุษย์คนหนึ่ง แต่ผมไม่ใช้ ริเบรี คนใหม่ ผมก็คือตัวผม ผมมีความสามารถที่บาเยิร์น และพร้อมจะโชว์ฟอร์มที่ดีออกมา”
ริเบรี สร้างสถิติ เป็นแชมป์บุนเดสลีกาทั้งหมด 9 ครั้ง แต่โคม็อง ก็ตามมาอย่างรวดเร็ซ ด้วยสไตล์ของเขาเองอย่างแน่นอน