ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพลังทำลายล้างของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ที่สมควรเบียด ลิโอเนล เมสซี และ คริสเตียโน ในการคว้ารางวัลบัลลงดอร์ ในปี 2020 และเป็นนักฟุตบอลคนแรกจากบุนเดสลีกาที่ทำได้ ในรอบ 2 ทศวรรษ ซึ่ง โค้ช ฮันซี ฟลิค ผู้คุมบังเหียน แชมป์จากเยอรมัน ก็มีความคิดอย่างนั้น
“ถ้าคุณดูสิ่งที่เขาทำได้ คุณจะต้องเอาเขาไปพิจารณาด้วย” ฟลิคกล่าว เมื่อถูกถามถึงกองหน้าของเขา ว่าควรจะได้รางวัลส่วนตัวหรือไม่ หลังเอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน ในนัดชิงชนะเลิศ เดเอฟเบ โพคาล “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เพราะเขามาจากบุนเดสลีกา อย่างนั้นหรือ เขามีคุณสมบัติทุกอย่าง” หากดูจากเกณฑ์ เลวานดอฟสกี้ นั้นทำได้ทั้งหมด
นิตยสาร ฟรานซ์ ฟุตบอล ก่อตั้งรางวัลนี้ ในช่วงกลางยุค 50 และได้กำหนดกฎเกณฑ์มากมาย ในการให้รางวัลส่วนตัว ที่ต้องควบคู่ไปกับความสำเร็จของสโมสร คุณต้องหาแคนดิเดตที่ดีกว่า เลวานดอฟสกี้ ในฤดูกาล 2019/2020
เพราะเขาเป็นนักเตะต่างชาติที่ยิงประตูในบุนเดสลีกาได้มากที่สุด และมีความสม่ำเสมอ นับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งที่เยอรมันในปี 2010 และมีค่าเฉลี่ยยิงทุกๆ 122 นาที ในบุนเดสลีกา ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา และอย่าลืมว่า เลวานดอฟสกี้ เพิ่งจะถึงจุดสูงสุด
แต่หัวหอกชาวโปแลนด์ ของบาเยิร์น เพิ่งมีฤดูกาลที่ดีที่สุดในบุนเดสลีกา
หลังทำสถิติยิงไป 34 ประตู พร้อมคว้ารางวัลดาวซัลโวของลีกเป็นสมัยที่ 5 และช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีก สมัยที่ 4 ของตัวเอง และเป็นสมัยที่ 8 ติดต่อกันของสโมสร นอกจากนี้ เขายังยิงอีก 2 ประตู ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ เดเอฟเบ คัพ และ เป็นดับเบิ้ลแชมป์ฟุตบอลในประเทศ
6 ประตู ของเขาในรายการนั้น ทำให้เขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุด และเขาก็ยิงไป 11 ประตู ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มากที่สุดในฤดูกาล 2019/20 นั่นหมายความเขายิงไป 51 ประตูในฤดูกาลนี้จากการลงสนามแค่ 43 นัด มันเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง และไม่มีนักเตะคนไหนจาก 5 ลีกใหญ่ที่ทำได้
บาเยิร์น เองก็ก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ลีกไปแล้ว หลังเลกแรกของรอบ 16 ทีมพวกเขาเอาชนะ เชลซี มา 3-0 และถ้าพวกเขาได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้บนส์ลีกอีก มันจะถือเป็นครั้งที่ 2 ที่พวกเขาคว้าเทรเบิ้ลแชมป์ และ เลวานดอฟสกี้ ก็น่าจะยิงให้ทีมได้อีก เพื่อให้เขามีสิทธิ์มีเสียงมากขึ้น ในการคว้ารางวัลบัลลงดอร์
เลวานดี้ สามารถเป็นตำนานของ สโมสร บาเยิร์น
มันเป็นเวลากว่า 24 ปี แล้ว ที่ไม่มีนักเตะจากบุนเดสลีกา คนไหนได้รางวัลบัลลงดอร์นับตั้งแต่ มัทธีอัส ซามเมอร์ทำได้ โดยในเวลานั้น ผู้ลงคะแนน คือ นักข่าวจากทั่วทุกมุมโลก และเขาก็เป็นนักเตะของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในปี 1996
อดีตผู้รักษาประตูของบาเยิร์น อย่าง โอลิเวอร์ คาห์น เคยได้อันดับ 3 ในปี 2001 และ 2002 ฟรองค์ ริเบรี ก็เป็นอันดับ 3 หลังคว้าเทรเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาล 2012/13 ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมของเลวานดอฟสกี้ อย่าง มานูเอล นอยเออร์ ก็เคยขึ้นไปบนแท่นในปี 2014 หลังจากที่พาเยอรมันคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ที่บราซิล
ถ้าเขาได้รางวัล เลวานดอฟสกี้ จะเป็นตำนานของสโมสร ที่ได้รางวัลบัลลงดอร์ และเป็นนักเตะของบาเยิร์น คนที่ 3 ที่ทำได้
โดยอันดับที่ดีที่สุดของเลวานดอฟสกี้ คือการเป็นที่ 4 ในปี 2015 ตามหลังนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี, คริสเตียโน โรนัลโด้ และ เนย์มาร์ ตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา 2 รายแรก ผลัดกันคว้าบัลลงดอร์มาเชยชม และไม่เคยแบ่งมาถึง เลวานดอฟสกี้ เลย
กองหน้าทีมชาติโปแลนด์ ยอมรับว่าเขายังรู้สึกไม่แก่
“สิ่งที่ผมพยายามทำคือ แสดงให้เห็นสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวผม การคว้าแชมป์ ยิงประตูให้มาก แต่นั่นคิดสิ่งที่ต้องมาพร้อมถ้วยรางวัล โดยสรุปแล้วนั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด ผมไม่ได้คิดถึงบัลลงดอร์ แม้ผมคิดว่า ทุกอย่างในชีวิตผมมันเป็นไปได้หมด” เลวานดอฟสกี้ กล่าวกับ France Football ก่อนจะบอกว่า ถ้าเขาไม่ได้รางวัลนี้อีกมันจะทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น
“ผมเชื่อว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเป็นนักฟุตบอลของผมอยู่ใกล้แค่เอื้อม ผมรู้ว่านี่จะไม่ใช่สัญญาฉบับสุดท้ายของผม ผมต้องการเล่นให้นานขึ้น มีสภาพร่างกายที่ดีขึ้น ผมยังมีเวลาเหลือเฟือ ที่จะคิดถึงสิ่งต่อไป แต่ตอนนี้ผมรู้สึกดีจริงๆ”
“ในเดือนสิงหาคม ผมจะอายุครบ 32 ปี แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมรู้สึกว่าผมอายุ 32 ในแง่ของทุกสิ่งที่ผมทำ การมีส่วนร่วมกับฟุตบอลและชีวิตของผมแบบไม่เคยห่าง อายุมันไม่ได้สำคัญกับผมเลย ผมไม่ต้องการแค่เล่นในระดับสูงต่อไปอีก 2-3 ฤดูกาลหน้า ผมมองไปไกลกว่านั้น
