มันเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงบ่ายที่ยาวนานที่กูดิสัน ปาร์ค สำหรับ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่เหมือนคอกำลังจะหลุดจากบ่า
กุนซือชาวนอร์วีเจียน เคยเกือบตกเก้าอี้ ด้วยน้ำมือของเอฟเวอร์ตัน มาแล้ว หลังแพ้ไป 0-4 ในเกมเมื่อเดือนเมษายน 2019 แต่ก็เอาตัวรอดได้ต่อไป และนี่เป็นอีกหนึ่งช่วงบ่ายวันเสาร์ ณ เมือง เมอร์ซีย์ไซด์ ที่อาจจะทำให้เสียงเรียกร้องให้ปลด โซลชา ดังขึ้นอีกครั้ง
จากความพ่ายแพ้ในแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยน้ำมือ อิสตันบูล บาซัคเซฮีร์ เมือ่กลางสัปดาห์ แมนยู ลงสนามเกมนี้ด้วยความน่าขัน โดยเฉพาะท่าทางของผู้จัดการทีมที่ลุกมากระตุ้นนักเตะตลอดเวลา
ดังนั้นเมื่อเบอร์นาร์ด ยิงประตูเบิกร่องที่กูดิสัน ปาร์ค จังหวะที่แนวรับของแมนยู ไม่สามารถชนะการดวลลูฏกลางอากาศกับ โดมินิค คัลเวิร์ต เลวิน ที่เล่นบอลยาว มันทวีความกดดันให้โซลชา
ไปต่อที่ กัปตัน แฮร์รี แมคไกวร์ ที่เป็นกัปตันที่เหมือนไม่ใช่กัปตัน ทีมเยือนต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังอีกครั้งในเกมนัดที่ 3 ในรอบเจ็โวัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็แพ้ อิสตันบู, และ อาร์เซนอล ในบ้านของตัวเอง
อย่างไรก็ตามในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา การขาดผู้นำภายในทีมแมนยู กลายเป็นเรื่องที่ถกเถียง โดยเฉพาะ การเปิดประเด็นจาก รอย คีน และภาษากายของทีมดูไม่ดีเลย หลังจากที่ต้องโดนเบอร์นาร์ด ยิงไปตั้งแต่นาทีที่ 16 โดยเฉพาะช่วงที่ต้องเอาลูกมาเขี่ยเริ่มเล่นใหม่
พวกเขาขาดความเชื่อใจซึ่งกันและกัน อากาศในเดือนพฤศจิกายนเต็มไปด้วยความหนาวเย็น พวกเขาต้องการให้แฟนบอลเข้ามาสนับสนุน และที่สำคัญคือพวกเขาต้องการผู้นำที่แท้จริง เพื่อคว้าชัยชนะเกมนี้กลับอกมาเพื่อให้ทีมเดินหน้าต่อ
บรูโน แฟร์นานเดส ยังคงเดินหน้า
นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมในช่วงเดือนมกราคม หลังจากที่โซลชาประสบปัญหามากมาย แต่การมาของดาวเตะชาวโปรตุกีส พลิกโฉมหน้าของทีมไปอีกหน้า
อย่าปฏิเสธเลยว่า ถ้าไม่มีแฟร์นานเดส ผู้จุดประกายความหวัง ด้วยฟอร์มที่น่าตื่นเต้น และช่วยทำให้ แมนยู กลับไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีก ด้วยการจบอันดับ 3 ของพรีเมียร์ลีก
โซลชา อาจจะไม่รอดตั้งแต่ฤดูกาล 2019/20
คุณภาพของแฟร์นานเดส สร้างความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงในแดนหน้าของแมนยู แต่ความเป็นผู้นำของเขาก็สำคัญเช่นกัน แน่นอนว่ามันมีเหตุผลว่าทำไม ยามที่ไม่ กัปตันทีมเบอร์ 1 อย่างแมคไกวร์ โซลชา ก็เลือกจอมทัพของเขาเป็นกัปตันทีมในเกมที่พบกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง เมือ่เดือนก่อน
สีหน้าของ แฟร์นานเดส ณ ตอนนั้นเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ หลังผู็จัดการทีมประกาศระหว่างแถลงข่าวก่อนเกม เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เลย
แต่ทุกคนคิด หากต้องการดูว่าแฟร์นานเดส เต็มใจที่เป็นผู้นำหรือใหม่ คุณต้องย้อนกลับไปในเกมฤดูกาลก่อนที่มาเยือน กูดิสัน พาร์ค ที่เกมจบลงด้วยการเสมอกัน 1-1
จำได้ว่าตอนนั้นเขาเข้ามาอยู่กับทีมได้เพียงไม่กี่สัปดาห์ แต่เขากลับมาไม่มีปัญหา ที่ตะโกน โซยวาย หลังจากที่ทีมไม่ได้ 3 คะแนนในขณะที่ผลการแข่งขันออกมาน่าผิดหวัง ผู้เล่นบางคนพยายามหลบตัว หรือหาทางแก้ตัวอยู่ แต่แฟร์นานเดส เลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน
นี่คือแคแรคเตอร์ ที่เพื่อนร่วมทีมของเขาต้องมี เขาไม่อายที่จะยอมรับผิด พร้อมที่จะเผชิญหน้า เราเห็นสิ่งนั้นอีกครั้ง เมื่อแมนยู มีปัญหาในเกมวันเสาร์ แม้จะไม่มีปลอกแขน แต่เขาแสดงให้เห็นถึงการกระตุ้น ความมุ่งมันที่จะสู็ นั่นคือสิ่งที่กัปตันทีม แมนยู ต้องมี
แฟร์นานเดส ยกระดับความสำคัญของตัวเอง ด้วยการโหม่งเข้าประตูไป หลังจากตามหลังแค่เพียง 6 นาที จากลูกครอสของลุค ชอว์ หลังจากที่ผ่านบอลกันไปมา 20 ครั้ง
แฟร์นานเดส มาทำประตูที่สองของแมนยู แต่ไม่แน่ชัดว่านั่นคือประตูของเขาหรือไม่ โฆษกที่สนาม กูดิสัน ประกาศชื่อของ มาร์คัส แรชฟอร์ด แต่กองหน้าทีมชาติอังกฤษ ไม่ได้สัมผัสโดนบอลที่เปิดมาจาก แฟร์นานเดสเลย
งานของพวกเขายังไม่จบ แต่ แฟร์นานเดสก็ตัดให้มันจบ หลังจากที่รอจนแน่ใจ เขาก็ผ่านบอลอย่างชาญฉ,าดให้ เอดินสัน คาวานี ซัดประตูปิดกล่อง และที่สำคัญ ทำให้ เอฟเวอร์ตันที่หวังจะตีเสมอต้องหมดความหวังลง
กองหน้าชาวอุรุกวัย พอใจที่ทำประตูแรกในพรีเมียร์ลีก แต่สำหรับโซลชา เกมบุกครั้งนี้สำคัญมากที่ทำให้เขาได้ทำงานที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ดต่อไป ผลที่ กูดิสัน อาจจะไม่ได้เป็นตัวกำหนด แต่สามคะแนน ทำให้ความเครียดที่เขาแบกไว้เบาลงก่อนที่จะพักเบรคทีมชาติ
ฏ๋ฮนหน้านี้ โซลชา ยืนยันว่าเขารับมือได้ และไว้ใจนักเตะว่าทุกคนจะทำผลงานได้ดี และเขาคือคนที่เหมาะสมที่จะได้รับการสนับสนุน
แมนยู แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งมากกว่าสองเกมก่อนหน้านี้ร่วมกัน และการเปลี่ยนแปลงกองกลาง ที่ ปอล ป็อกบา ต้องหลุดไปเป็นตัวสำรอง และเลือกที่จะใช้ เฟร็ด ที่ทำได้ดีทั้งเกมรุกและเกมรับ
แต่อย่าลืม แฟร์นานเดส คือผู้สร้างควาแตกต่าง
และเป็นผู้นำที่น่าเชื่อถือ และเป้นคนที่เซฟ โซลชาให้อยู่แมนยูได้อีกครั้ง