บาร์ซา จะจัดทีมอย่างไร ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน

การจัดการของโฆเซป มาเรีย บาร์โตมิว จะทำให้ บาร์ซา ออกมาเป็นแบบไหน ภายใต้การคุมทีมของโรนัลด์ คูมัน ผู็จัดการคนใหม่จาก เนเธอร์แลนด์

ความวุ่นวายของเมสซี

อาซูลกรานา ในยุคของ โรนัลด์ คูมัน ได้เริ่มต้นจึ้นแล้วในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เนื่องจากดราม่าของ ลิโอเนล เมสซี ตลอด 10 วัน ก็จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย โลกของบาร์ซา อยู่ในเท้าของเขามาตลอด ในขณะที่ล่าสุด ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ ยังคงเป็นกองหน้าให้กับทีมต่อไป และได้เดินทางไปที่ ซิอูตัต เอสปอร์ติวา โจน กัมเปร์ ที่เริ่มซ้อมช่วงปรีซัซั่ย

จริงๆ แล้วมันยากมากที่จะตอบว่าทีมต้องการอะไรจากนักเตะระดับตำนาน และถ้าหากเขาย้ายออกจากทีมไป ทีมจะเป็นอย่างไรต่อ และสุดท้าย เขาก็ต้องอยู่กับทีมต่อไป หลังจากที่บาร์เซโลนา เป็นฝ่ายคว้าชัยในการทะเลาะกันหนล่าสุด แต่ความรักต่อทีมอาจจะลดลงไป แต่แน่นอนว่ากุนซือชาวดัตช์ จะต้องเปลี่ยนแผน สำหรับฤดูกาลใหม่ เมสซี จะเข้า เมสซีจะออก หรือ เมสซีจะแหวก กัปตันทีมที่ถือเป็นนักเตะที่ดีที่สุด และเป็นคนสำคัญที่สุด เป็นจุดศูนย์กลางของบาร์ซา ของ โรนัลด์ คูมัน แน่นอนว่าเขาจะได้ประโยชน์จาการมีนักเตะหมายเลข 10 คนนี้อย่างแน่นอน

แต่เนื่องจาก เมสซี ตัดสินใจที่จะอยู่ต่อไป คำถามที่ตามมาอาจจะเกิดขึ้นในใจ คือ การตัดสินใจของเขาครั้งนี้จะส่งผลต่อแท็คติกของทีม ที่มาจากผู้จัดการทีมในฤดูกาลใหม่หรือไม่  อาจจะ แต่คงไม่มาก เพราะสุดท้ายภาพรวมของทีมคือสิ่งสำคัญสุด และเนื่องจาก โฆเซป มาเรีย บาร์โตมิว ได้ให้สัญญา กุนซือคนใหม่ ว่าเขาจะมี ลิโอเนล เมสซี อยู่ในทีม มันคงไม่ยากเหมือนกับผู้จัดการทีมคนอื่นๆในช่วงหลังจากนี้ ที่จะไม่มีเมสซี ใช้งานต่อไป

ไวจ์นัลดุม?

แม้ว่าจะเมสซี จะเป็นเป้าสนใจในแท็คติกของบาร์ซา แต่ยังมีข้อสงสัยอีกว่า แท็คติกต่อไป จะพัฒนาไปจากเดิมอย่างไร ภายในสนามฝึกซ้อมของบาร์เซโลนา มันคงยากที่จะรู้ว่า โค้ชคนนี้มีสัญชาติอะไรและใช้ตามระบบของชาตินั้น เพราะตามปกติ บาร์ซา จะเล่นในระบบ 4-3-3 และ เน้นการครองบอลแดนบน เช่นเดียวกับที่ผ่านมาๆ สำหรับงานใหม่ของกุนซือชาวดัตช์ แน่นอนว่า มันไม่ขัดกับปรัชญาของทีม ทั้งการเล่นเกมรุก, การโจมตีด้านข้าง และมีความสมดุลมากขึ้น หากได้ ไวจ์นัลดุม มาร่วมทีม แต่มันอาจจะดูไม่สมเหจุสมผลเท่าไหร่ โดยปัจจุบัน ไวจ์นัลดุม อยู่ลิเวอร์พูล และติดทีมชาติฮอลแลนด์ มาตลอด ในยุคของคูมัน นอกจากนี้ยังมีฟอร์มการเล่นที่ดีตลอด 2-3 ปี ทีผ่่านมา กับ ลิเวอร์พูล แต่ก็ไม่ค่อยถูกจับตาเท่าไหร่

อย่างไรก็ตามการเล่นบอลแบบไดเรคต์ หรือ ทแยงมุม น่าจะแตกต่างจากที่เราเห็นในยุคล่าสุดของ เอร์เนสโต้ บัลเบรเด้ และ กีเก้ เซเตียน สไตล์การเล่นของ บาร์ซา ภายใต้การคุมทีมของทั้งสองคนเปลี่ยนไปอย่างมาก และมีหลายอย่างที่จำเป็น และขาดซึ่งเอกลักษณ์ โดยเฉพาะความถ่อมตัวมากเกินไป จนขัดแย้งกับสิ่งที่บาร์เซโลนา แสดงมาตลอด ในขณะที่ความคิดของ เซเตียน คือพยายามทำให้ดีกว่ามาตรฐานของทีม แต่มันก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ ทั้งการครองบอลที่มากเกินไป และหลายครั้งที่ต้องถอยมาเล่นเกมรับ จนไม่มีแนวทางที่ชัดเจน สิ่งนี้คือสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง จากผู้จัดการทีมคนใหม่ของบาร์เซโลนา เพื่อสนับสนุนการเล่นในแนวรุก ในด้านกว้างและด้านลึกที่มากขึ้น

บทบาทของ เมมฟิส เดปาย

อดีตแข้งของพีเอสวี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง เมมฟิส เดปาย ปัจจุบันค้าแข้งกับ ลียง มีโอกาสย้ายมาค้าแข้งที่กาตาลัน  และสัญญาของเขากับทีมเหลือไม่ถึง 12 เดือน แม้ตัวเขาจะพิสูจน์ตัวเองกับ ลียงได้ดี และยิงประตูได้มากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ย้ายออกมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มักจะเล่นปีกซ้ายมาตลอด

ด้วยความโชคร้ายที่เขาได้รับบาดเจ็บที่เอ็นหัวเข่า ทำให้ เดปาย ยิงไปได้ 9 ประตู จากการลงสนามทั้งหมด 13 นัด โดยแบ่งเป็นในลีก 7 และในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา อีก 6 ประตู แต่สิ่งที่บ่งบอกลักษณะการเล่นของเดปาย ทำให้เขาเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบในสายตาของคูมัน ที่จะมาแทนที่ของหลุยส์ ซัวเรซ บางทีเขาอาจจะตอบโจทย์แท็คติก ในขณะเดียวกันดูฌหมือนเขาน่าจะได้เล่นในตำแหน่งของ อุสมาน เดมเบเล่ ในการลากตัดเข้ากลาง ในพื้นทีสุดท้าย โดยมีนักเตะตัวหลักในตำแหน่งนั้น อย่าง เมสซี, อองตวน กรีซฒันน์ และ ฟิลิปเป้ คูตินโญ ที่อาจจะมีปัญหา

วัตถุดิบที่มาจะต้องมีการคิด แต่ในขณะที่รายการการย้ายทีม มีโอกาสมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีนักเตะที่เริ่มซ้อมกับ บาร์ซา ในวันแรก มีแค่ 11 คน เท่านั้น เพราะทีมจากกาตาลันในตอนนี้เป็นแค่เสื้อกระดาษเท่านั้น นับตั้งแต่ผ่านยุคทองในช่วงปี 2009 – 2011 โดยกระดูกสันหลักของทีมนอกจาก หลุยส์ ซัวเรซ ที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรลำดับ 3 มันยากที่จะหาใครมาแทนที่เขา อาจจะเปลี่ยนบทบาทไปเลย แต่อาจจะขาดความต่อเนื่อง

ปานิช

การคว้าตัว มิราเลม ปานิช เข้ามา ทำให้ เซร์คิโอ บุสเกสต์ อาจจะกลายเป็นแข้งอาวุโสคนเดียวในแดนกลางของทีม บุสเกสต์อาจจะเป็นนักเตะที่ถูกมองข้าม แต่ในตัวเลขแล้ว เขาคือคนที่สำคัญที่สุดในการสร้างความสมดุลให้กับทีม แต่โอกาสในการลงสนามของเขาอาจจะลดลง เมื่อคูมัน เข้ามาคุมทีม หากมองจากปัจจุบัน เพราะเขาอาจจะต้องการให้กองกลางเล่นได้อย่างรวดเร็วขึ้น

นอกเหนือจากตัวเลข ยังมีดาวเตะชาวดัตช์อีก 2 รายในทีม เวลาเท่านั้นที่จะบอกได้ว่า บาร์เซโลนาจะเน้นที่ทีมหรือซูเปอร์สตาร์ หลังมีดาวรุ่งดวงใหม่อย่าง ฟรานซิสโก้ ตรินเกา และ เปดี้ ที่อาจจะดีพอในสายตาของบอร์ดบริหาร แต่เรื่องความแข็งแกร่งมันเป็นเรื่องยาก แต่ความสามัคคี อาจจะเหนื่อยกว่า เราต้องมาดูกันว่า โรนัลด์ คูมัน จะวางระบบอะไรในกลุ่มตัวจริงของ บาร์ซา

ดัตช์ดั้งเดิม 4-3-3

มันแทบจะเป็นเรื่องยาก ที่จะทำลายระบบ 4-3-3 ของ ชาวดัตช์ ในรูปแบบดั้งเดิม ในระบบ 4-3-3 และถูกคาดหวังอย่างมากในสภาพทีมของบาร์ซาตอนนี้ เนื่องจาก บาร์เซโลนา ยังไม่ได้มีการขยับอะไรมากมาย โดยเฉพาะกับสภาพแนวรับของทีมในตอนนี้ เช่นเดียวกับเรื่องอนาคต โดยเฉพาะเอริค การ์เซีย ที่มีแนวโน้มจะอยู่ครบตามสัญญา ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และมีข่าวลือว่าพวกเขาจะปล่อย เนลสัน เซเมโด้ ออกไป ถึงแม้ในการซ้อมล่าสุดเขาจะยังอยู่กับทีมก็ตาม แต่ความเชื่อใจคือคำถาม

ขณะเดียวกัน แตร์ สเตเก้น ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างพักฟื้นจากการผ่าตัด แต่เขาน่าจะยังเป็นประตูมือหนึ่งของบาร์ซา และต้องรอดูว่า ประตูชาวเยอรมันจะยอมต่อสัญญาจริงหรือไม่ เดาไว้ก่อนเลยว่า แนวรับน่าจะเหมือนกับฤดูกาลที่ผ่านมา – เซเมโด้, เคราร์ด ปิเก้, เคลมองต์ ลองเลต์ และ ฆอร์ดี อัลบา แม้บาร์ซาจะต้องการสร้างทีมชุดใหม่ขึ้นมา แต่ ปิเก้ และ ลองเลต์ รวมถึง อัลบ้า ยังมีโอกาสสูงที่จะเป็นเกมรับของทีมต่อไป

ความไม่แน่นอนในตำแหน่งกองกลาง

ในขณะที่เราพูดถึงระบบการเล่น เราอาจจะต้องเตือนความจำตัวเอง ว่ามันยังมีความไม่แน่นอนบางอย่าง ระหว่างการเลือกนักเตะระหว่างดาวรุ่งหรือประสบการณ์สูง ในทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และด้วยความที่ อิวาน ราคิติช ย้ายไปแล้ว ขณะที่ อาร์ตูโร่ วิดัล กำลังจะย้ายออกไป บางทีกองกลางชาวชิลี อาจจะได้อยู่ข้างสนาม ในแผนของคูมัน เพราะแน่นอนว่าตัวหลักน่าจะเป็น เฟรงกี้ เดยอง และอาจจะมีพาร์ทเนอร์ อย่าง จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม รวมถึง ปานิช, ริกิ ปูอิก และ บุสเกสต์

เพราะในขณะที่ เด ยอง เป็นกองกลางอนาคตของบาร์ซา ที่มั่นใจได้ แต่ก็น่าสนใจว่า อดีตกองกลางอาแจ็กซ์ จะถูกจับไปเล่นเป็นกองกลางตัวซ้าย เหมือนปีก่อน หรือตามที่ผู้จัดการทีมชาวดัตช์เคยกล่าวไว้แล้วว่า เขาน่าจะถูกจับเป็นกองกลางตัวกลาง และมี ผู้เล่น 3 หรือ 2 คนคอยช่วยเหลือ แต่ดูแล้วน่าจะมีแค่ 2 คน

แน่นอนว่าจะได้เห็นบาร์เซโลนามีทางเลือกในการเล่น ในระบบเกมรุกที่ 4-3-3 แต่ในการรักษาสมดุล อาจจะเป็น 4-2-3-1 ตามลักษณะของผู้เล่น หากดูจากแคแรคเตอร์ของนักเตะอย่าง จินิ ไวจ์นัลดุม และ ริกี้ ปูอิก จะช่วยให้กองกลางของอาซูลกรานา มีการเคลื่อนไหวที่ทรงพลัง และปกปิดทั่วสนามมากขึ้น

ในที่สุด ปานิช อาจจะได้จับคู๋กับ เด ยอง ในตำแหน่งกองกลางสองคน หรือเป็นกองกลางตัวรับกลางในระบบกองกลาง 3 คน ขณะที่ เซร์คิโอ บุสเกสต์ อาจจะต้องสู้ เพื่อเป็นตัวจริงของเขา และน่าจะได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงน้อยกว่าเดิม ในฤดูกาลใหม่ และหลังจากนี้ ภายใต้การคุมทีมของคูมัน มันจะเป็นความท้าทายของกุนซือชาวดัตช์ ที่จะใช้ทีมโดยมี หรือ ไม่มีนักเตะสเปนเลย

คำสัญญาของกรีซมันน์

การกลับมาของ ฟิลิปเป้ คูตินโญ หลังหมดสัญญายืมตัวจาก บาเยิร์น มิวนิค และ เดมเบเล่ ที่หายเจ็บกลับมาลงสนามได้หลังจากที่ต้องพักไปนาน และ การเข้ามาของ เมมฟิส เดปาย ในเกมรุก มันเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก เกี่ยวกับคำสัญญาที่คูมัน บอกกับ กรีซมันน์ ว่าจะเป็นศูนย์กลางของเขาในโครงการ และเก็บ ลิโอเนล เมสซี เป็นอีกหนึ่งตัวจริง

วิธีเดียวที่ทำให้ ดาวเตะแชมป์โลกจากประเทศฝรั่งเศส โชว์ฟอร์มได้ดี ก็คือการเล่นในระบบ 4-3-3 หรือ 4-2-3-1 ในฐานะกองหน้าคนสำคัญ โดยไม่ต้องสงสัยเลย เขาถูกให้คำมั่นว่าเขาจะไม่ต้องไปเล่นปีก แต่ในทั้งสองกรณี ดูเหมือนจะใช้งานได้จริงหากคูมัน ทำตามที่เขาพูด และ กรีซมันน์ จะเล่นให้บาร์ซา ในระบบหน้า 3 เมสซี น่าจะถูกขยับไปเล่นหน้าขวาในตำแหน่งปีก เหมือนกับช่วงหลายปีในช่วงก่อนหน้านี้

เมื่อนาฬิกาหมุนไปเร็วขึ้นกว่าเมสซี เมื่อเขาขอย้ายทีมเพราะรู้ว่าตัวเองจะไม่ได้เป็นศูนย์กลางของทีมอีกต่อไป วิสัยทัศน์และการสร้างเกมของเขา ยังคงดีที่สุดในโลก แม้จะเป็นปีที่โชคร้าย จะเป็นปีก หรือกองกลางตัวรุกซึ่งน่าจะเป็นงานของ คูตินโญ, เดมเบเล่, ทรินเกา, เปดรี และ เดปาย ในการสร้างพื้นที่นั้น ในการโจมตีแนวลึก เพื่อสนับสนุนเมสซี ในการปิดบัญชี

ยังมีข้อสงสัยมากมายในขณะที่เรากำลังจะได้ดูเกมอุ่นเครื่องนัดแรกของบาร์เซโลนา ที่เจอกับ นาสติค และเมสซี พร้อมกับนักเตะที่มีอยู่ ที่ซิอูตัต เอสปอติวา โจน กัมเปร์ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องรอให้นักเตะต่างชาติเดินทางกลับมาที่ศูนย์ของสโมสร คูมัน ยังต้องพยายามหา 11 ตัวจริง ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับบาร์ซา ซึ่งการส่งท้ายของพวกเขาในปีที่ผ่านมาไม่ดีเท่าไหร่หลังพ่ายบาเยิร์น มิวนิค มาแบบราบคาบ แม้จะมีนักเตะระดับโลก อยู่เต็มทีมก็ตาม

ทีมเต็ฒไปด้วยนักเตะยอดเยี่ยมมากมายอยู่แล้ว แต่เกมฟุตบอลตัดสินกันในสนามไม่ใช้บนแผ่นกระดาษ มันต้องมีการผสมผสานที่ลงตัว ระหว่างความดุดัน, เอกลักษณ์และความแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะทำให้สโมสรนี้กลับคืนมาอีกครั้ง และต้องพยายามปกปิด ฤดูกาลที่อาจจะมีปัญหามากมายอีกครั้ง