ดอร์ทมุนด์ เมืองใหญ่ และความฝันของฉัน แบนเนอร์ที่ติดอยู่ที่หน้าสนาม กำแพงสีเหลืองที่โด่งดัง ที่ เวสฟาเล่น สตาดิโอน ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
พรมขนาดมหึมาที่ปกคุมท้องฟ้าของดอร์ทมุนด์ และทุกคนพร้อมถกแขนเสื้อ เพื่อสนับสนุนทีม แฟนบอลกว่า 24,000 คน ถือแผ่นพลาสติก เพื่อเล่นเป็นแบล็คกราวน์ด ในสนาม บ้างก็เป็นสีแดง และ สีข่าว ก่อนที่พวกเขาจะพลิกให้กลายเป็นสีดำและสีเหลือง ที่เป็นสีของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และพากของนกอินทรีที่ถูกแทนที่ด้วยตราสโมสร
การออกแบบท่าเต้นทั้งหมด ถูกจัดขึ้นโดยกลุ่มอุลตร้าของสโมสร ที่ทุ่มเวลาหลายร้อยชั่วดมงในการจัดระเบียบ, รวบรวม, ออกแบบ, ตัด, วาด และจัดวางทั้งหมดนี้ แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาไม่กี่นาที แต่มันก็ทำให้เกิดความตื่นเต้นก่อนที่ทีมจะแข่งขันกับ ไอน์ทรัค แฟรงค์เฟิร์ต
มันเป็นมากกว่าแค่การสนับสนุนทีมฟุตบอลของพวกเขา มันคือความรัก, ความหลงไหลที่แสดงออกถึงวัฒนธรรมของแฟนบอลที่มีชีวิตชีวิต ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในฟุตบอลเยอรมันสำหรับสโมสรที่เป็นตัวแทนของชุมชน และเป็นเหมือนเพื่อนของพวกเขา
เมื่อวันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2020 ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 81,365 คน ดอร์ทมุนด์ เอสชนะไป 4-0 และมันเป็นครั้งสุดท้ายที่นักเขียนคนนี้และแฟนๆได้เข้าร่วมชมการแข่งขันบุนเดสลีกา และไม่ถึงหนึ่งเดือนต่อมา เนื้องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่กระจายไปทั่วยุโรป ทำให้การแข่งขันฟุตบอลเยอรมันต้องหยุดชะงัก
กำแพงสีเหลืองที่กลายเป็นหลุมดำ
ระเบิดครั้งใหญ่
โยฮันเนา บากัส นักสังคมสงเคราห์ ผู้เป็นแฟนโปรเจคต์ของดอร์ทมุนด์ ซึ่งเป็นคนที่ริเร้่มทำงานใกล้ชิดกับแฟนบอลดอร์ทมุนด์ ที่กระตือรือร้นที่จะจัดกิจกรรมเสมือนจริงหลายต่อหลายครั้งตลอดทั้งปี เพื่อช่วยให้แฟนๆ ไม่พลาดที่จะติดต่อกับทีมพูดว่า “การระบาดครั้งนี้ทำให้แฟนๆ ตื่นตัวอย่างหนัก”
“สำหรับแฟนที่ติดตามโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทั่วประเทศทุกสุดสัปดาหื หรือทั่วยุโรปในช่วงสัปดาห์ เสาหลักในชีวิตทางสังคมของพวกเขาได้สลายไป มันเป็นการระเบิดครั้งใหญ๋”
แฟนบอลทั่วเยอรมัน ไม่สามารถตามเชียร์ทีมรักในสนามได้ และสโมสรก็พยายามช่วยเหลือพวกเขา ด้วยการสนับสนุนทางพยาบาลและพนักงานสำคัญคนอื่นๆ แบนเนอร์ ปรากฏอยู่นอกโรงพยาบาลในขณะที่กลุ่มแฟนคลับได้เสมอความช่วยเหลือ แก่สมาชิกที่ประสบปัญหาทางสังคม โดยอุลตร้ารายหนุ่ง บอกกับ DW ว่าเขาใช้เวลาเดินเล่นกบสุนัข มากกว่าชอปปิ้ง
“แฟนๆมีพฤติกรรมที่ไร้ที่ติตลอดทั้งปี” บากัส กล่าว “มีความกลัวว่าอาจจะมีการชุมนุม หรือแม้แต่การจราตลนอกสนาม แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตรงกันข้าม อุลตร้าได้กระตุ้นให้ทุกคนอยู่ที่บ้าน และปฏิบัติตามมาตรการ”
การปฏิรูป
ในขณะที่แฟนๆหลายคนถูกตัดขาดจากสังคม เนื่องจากผู้ถือลิขสิทธิ์การออกอากาศขู่ว่าจะระงับการจ่ายเงินสนับสนุน ทันในนั้นสโมสรก็รู้สึกว่าพวกเขากำลังถูกตัดช่องทำมาหากิน มีรายงานว่า 13 จาก สโมสร ในบุนเดสลีกา และ ลีกาสองของเยอรมัน มีโอกาสล้มละลาน
สำหรับแฟนบอลบางกลุ่ม พิสูจน์ให้เห็นถึงความไม่ยั่งยืนของเกมสมัยใหม่ แนวคิดที่ว่าหลายบริษัท กำลังเผชิญหน้ากับปัญหา คำร้องของ อุนเซอร์ ฟุสบอล (ฟุตบอลของเรา) ลงนามโดยกลุ่มแฟนบอลกว่า 2,600 กลุ่ม ซึ่งเป็นตัวแทนของแฟนบอลเกือบ 500,000 คน โดยเรียกร้องให้เกมนี้ได้รับการปฏิรูปโครงสร้างให้เป็นธรรมมากขึ้น ตามระบอบ ประชาธิปไตย เพื่อความมากขึ้นและมั่นคงมากขึ้น นอกจากนี้ หน่วยงานอนาคตของฟุตบอลอาชีพ ได้เห็นแฟนๆ คิดค้นแนวคิดการปฏิรูป ที่จะปกป้องสโมสรทางการเงินและฟื้นฟูสมดุลในการแข่งขันของบุนเดสลีกา
อย่างไรก็ตามการตัดสินใจขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับค่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่สำคัญทั้งหมดสำหรับช่วงปี 2021-2024 ไม่ได้เป็นไปตามทีกลุ่มแฟนบอลคาดหวัง “ตอนนี้ไม่เวลาสำหรับการแก้ปัญหาที่รุนแรง แต่สำหรับวิธีแก้ปัญหาที่เชื่อถือได้” คริสเตียน ไซเฟิร์ด ซีอีโอของ เดเอฟแอล กล่าว “เราผิดหวังอย่างมาก” “นั่นเป็นโอกาสที่ฟุตบอลจะแสดงให้เห็นว่าพร้อมที่จะแนะนำการปฏิรูป แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปโดยพื้นฐาน เรารู็ดีกว่าการระบาดครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก เราพร้อมที่จะยอมรับช่วงเวลาเปลี่ยนผ่าน แต่สัญญาณที่ส่งไปนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตและไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้อง”
ไม่มีอุลตรา – ไม่มีปัญหา?
พัฒนาการบางอย่างในฟุตบอลสมัยใหม่ สร้างความผิดหวังให้กับแฟนบอลชาวเยอรมันหลายคน ไม่ว่าจะเป็นระยะห่างระหว่างคนรวยและคนจนในสนาม การปฏิบัติต่อแฟนบอลที่ไม่ดี หรือการรับรู้ว่าตอนนี้กีฬามุ่งที่การค้ามากเกินไป
หากไม่มีการประท้วงในบางรูปแบบ มันแทบไม่มีวันหยุดสุดสัปดาห์ในบุนเดสลีกา แลพแฟนบอลก็มีความสุขกับความสำเร็จมากมาย ตั้งแต่แคมเปญราคาตั๋ว ไปจนถึงการรักษากฏควาเมป็นเจ้าของ 50+1 และการยกเลิกของการแข่งขันในคืนวันจันทร์
แพลตฟอร์มที่จัดเตรียมโดนสนามกีฬามีความสำคัญสำหรับนักเคลื่อนไหวสที่เป็นแฟนบอล ซ฿งมันจะเป็นหัวหน้าของกลุ่มอุลตรา เมื่อพูดถึงการถือครองของสโมสรและผู้มีอำนาจในการตัดสินใจด้านฟุตบอลมาพิจารณา อย่างไรก็ตามตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ฟุตบอลยังคงเดินหน้าต่อไปโดยไม่มีแฟนบอล และมีความกังวลว่าการไม่มีแฟนบอล อาจจะถูกใข้ประโยชน์บางอย่างในการแข่งขัน
บางทีอาจจะดูเหยียดไปบ้าง แต่บางสโมสรอาจจะคิดว่ามันเดินหน้าต่อได้ โดยไม่มีกลุ่มอุลตรา “บางทีอาจจะเป็นเหมือนการดูถูกแต่บางสโมสรอาจจะคิดว่ามันเวิร์คที่ไม่มีกลุ่มอุลตรา” “เงินกำลังไหล สัญญาทีวียังคงดำเนินต่อไป เราสามารถเพิ่มได้ ราคาตั๋ว 20 เปอร์เซ็นต์ ผมมั่นจว่านั่นเป็นความคิดที่น่าสนใจสำหรับบางคน”
และมันอาจจะอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่เห็นในช่วงสั้นๆ ในฤดูใบไม้ร่วง แม้ว่าแฟนๆจะกลับมา ตั๋วที่กำหนดเอง เพื่อให้สามารถติดตามสัญญา, เวลามาถึงที่กำหนด, ที่นั่งที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคม, การปิดหน้าแบบบังคับ, ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์, ห้ามยืน, ห้ามร้องเพลง สภาวะที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่วัฒนธรรมของแฟนบอลที่กระหายจะมีอิสระ นับประสาอะไรกับวัฒนธรรมพิเศษ ที่สามารถพัฒนาไปได้
“อุลตร้าเป็นวัฒนธรรมย่อยๆ ที่ขึ้นอยู่กับว่าฟุตบอลน่าตื่นเต้น หรือ น่าเบื่อ” สมาชิกของ Fanszenen Deutschlands ซึ่งเป็นกลุ่มพันธ์มิตรทั่วประเทศของกลุ่มอุลตร้า เยอรมัน กล่าว “แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นอีกต่อไป แรงดึงดูดก็จะหายไปนั่นคือสิ่งที่เราต้องระวัง
โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จะเป็นอย่างไร หากไม่มีแฟนบอล
พวกเขาไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายทั้งหมด มีความหวังแม้จะผิดหวังกับการแจกจ่ายเงินจากการถ่ายทอดสดทางทีวี ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่าวิกฤตสามารถเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลง
“ผมคิดว่าทุกคนตระหนักดีว่าแฟนๆเป็นส่วนสำคัญของกีฬาประเภทนี้ เกมยังคงเหมือนเดิมในสนาม แต่มันไม่ได้มีความหมายเหมือนกับการมีคนอยู่ที่นั่น” กาเบอร์ กล่าว
นั่นคือสิ่งที่ โยฮันเนส บากัส ค้นพบในดอร์ทมุนด์ เมื่อเขาเป็นหนึ่งในผู้เล่น 11,500 คน ของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่มีส่วนร่วมในเกมเหย้าที่พบกับ ไฟร์บวร์ก ในเดือนตุลาคม เขาเล่าว่า “มันเหมือนเรากำลังไปดูละคร”
“คุณจะเห็นว่าประสบการณ์ในสนามกีฬานั้นขึ้นอยู่กับบรรยากาศวัฒนธรรมของแฟนบอล การพบปะเพื่อนๆ ดื่มเบียร์ก่อนเกมและทีมรู้ดีว่า โบรุสเซีย จะเป็นอย่างไร ดอร์ทมุนด์ ที่ไม่มีกลุ่มผู้สนับสนุน
การกลับมาสู่สนามที่เต็มไปด้วยแฟนบอลเหมือนในเดือนกุมภาพันธ์ 2020 ยังคงเป็นหนทางที่ยาวไกล เพราะอัตราผู้ติดเชื้อในเยอรมันยังคงพุ่งขึ้นสูง แม้ว่าจะวัคซีนจะมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องก็ตาม
“สุดท้าย ผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เราจะกลับมาเป็นปกติ เวลาที่เราระเบิดอารมณ์ออกมา” บากัส กล่าว “ในที่สุดเราก็กลับมายืนด้วยกันอีกครั้ง เมื่อแฟนบอลดอร์ทมุนด์ เติมสนาม เมื่อความรักในฟุตบอลกลับมา” จากนั้นเราจะได้เห็นท่าเต้นที่น่าทึ่งอีกครั้งบนกำแพงสีเหลือง
