หน้าแรกหัวข้อลิเวอร์พูล และ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเดินอย่างไรต่อ

ลิเวอร์พูล และ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเดินอย่างไรต่อ

มันไม่ใช่งานที่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว แต่ด้วยเวลาเพียงเล็กน้อย เขาก็สามารถสร้างบรรยากาศแห่งความเชื่อภายในสโมสร และสะท้อนถึงการทำงานหนักของทุกคนที่เกี่ยวข้อง พร้อมแบ่งปันประสบการณ์เหล่านั้น ผ่านแฟนบอล ทีมงาน และผสมผสานได้อย่างลงตัว ระหว่างความมั่นใจของแฟนบอล กับ ปรัชญาแท็คติกที่มีความเข้มข้น และความเป็นหนึ่งเดียวกันสำหรับทุกคน

ไม่ใช่แค่นั้น แต่ความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของเขาในการพัฒนานักเตะที่อยู่กับทีม และนำเข้านักเตะจากทีมที่ตกชั้น หรือ ทีมระดับกลางอย่าง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ จินี ไวจ์นัลดุม ที่กลายเป็นหัวใจสำคัญ ที่ทำให้คล็อปป์ ไม่เหมือนใคร และทีมอย่างลิเวอร์พูลไม่เหมือนใคร

การแพร่ระบาดที่ส่งผลต่อการพัฒนาของลิเวอร์พูล

การคว้าแชมป์ของพวกเขาในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ ทั้งการเป็นแชมป์อังกฤษ, ยุโรป และ แชมป์โลก ลิเวอร์พูลภายใต้การคุมทีมของคล็อปป์ แทบจะมองไม่ออกเลยเลยว่าจะต้องปรับแก้ตรงไหน แต่คำพูดของเขาที่บอกว่าอาจจะกลับไป เยอรมัน เมื่อสัญญาที่เหลือหมดลงในอีก 4 ปี มันทำให้มันเหลือเวลาอีกไม่มากในการครองความยิ่งใหญ่อย่างยาวนาน และเป็นข่าวที่ไม่มีแฟนบอลลิเวอร์พูล คนไหนอยากได้ยิน แต่บางทีมันอาจจะเป็นอีกหนึ่งวงจรของการพัฒนาทีมให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามารับงานตั้งแต่ปี 2015

การแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้องกับสโมสรอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันจะเป็นอย่างไร มันยากที่จะพูด เนื่องจากเจ้าของทีมได้ปฏิเสธการจะทุ่มเงินก้อนโต เหมือนกับช่วงตลาดซื้อขายก่อนหน้านี้ แฟนๆหลายคนมองว่าซัมเมอร์นี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการใช้ประโยชน์จากความสำเร็จของพวกเขา ด้วยการคว้านักเตะมากพรสวรรค์ระดับสูงในยุโรป อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าการที่พวกเขาไม่พร้อมที่จะทุ่มเงินก้อนโต แลกกับ ติโม แวร์เนอร์ ตามที่มีข่าวลือมาตลอด แผนการซื้อของลิเวอร์พูล นั้นชัดเจนมาตลอด 24 เดือน ทั้งการนำ ฟาน ไดจ์ และ อลิสซอน เบคเกอร์ เข้ามา ซึ่งตอนนี้มันไม่เหมือนเดิม

ลิเวอร์พูล และ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเดินอย่างไรต่อ หัวข้อ
Mo Salah, liverpoolecho.co.uk

ติอาโก้ อัลคันทาร่า

ต้องบอกว่ารายงานต่างๆชี้ให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล พร้อมจะจ่ายเงินจำนวน 30 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัวเขามาจากบาเยิร์น มิวนิค ข่าวการย้ายทีมซึ่งดูเหมือนห่างไกลออกไปเรื่อยๆจากข้อสรุป ทำให้หลายคนงงกับช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งทุกคนเริ่มเข้าใจแท็คติกของคล็อปป์ และดูเหมือนรูปแบบการเล่นที่ใช้เทคนิคขั้นสูงของ ติอาโก้ อาจจะขัดแย้งกับการเล่นที่ที่ผ่านมาของพวกเขาในการใช้ 3 กองกลาง ในขณะที่ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ และ โรเบิร์ตสัน จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการเล่นเกมรุก

ไม่เหมือนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะเน้นจอมเทคนิคในแดนกลาง ในการสร้างเกมรุก กองกลางของลิเวอร์พูลจะเน้นที่การตัดบอลจากฝ่ายตรงข้าม ก่อนที่จะถ่ายบอลออกแนวกว้างหรือฝากบอลไปข้างหน้าทันที และมันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเชี่ยวชาญ กับวิธีเหล่านี้มาก อย่างไรก็ตามมีรายงานที่เชื่อว่าอาจจะเป็นไปได้ว่า คล็อปป์ มอง ติอาโก้ ว่าเกิดมาเพื่อลิเวอร์พูล และจะทำให้พัฒนาการของทีมยกระดับไปอีกขั้นในแท็คติกของเขา สิ่งที่บังคับให้กองกลางเน้นเกมรุกมากขึ้นและสามารถกำหนดแนวทางการเล่นของทีม

แม้ว่ามันจะป็นเกมที่ไม่ได้สูสีในการเจอกันระหว่าง 2 ทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ ลิเวอร์พูล ไป 4-0 ที่เอติฮัด แต่หลังจากนั้นไม่กี่วัน ลิเวอร์พูล ก็คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้เป็นครั้งแรก มันทำให้เห็นว่าทำไมพวกเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนแท็คติก ไม่ใช้แค่นั้น แต่จะมีเรื่องความน่าสนใจ แต่ท้ายที่สุด ลิเวอร์พูลจำเป็นต้องสู็กับกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่จะกลับมาอีกครั้ง

ลิเวอร์พูล และ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเดินอย่างไรต่อ หัวข้อ
Thiago Alcantara, skysports.com

คล็อปป์ ต้องการเสริมทัพในแดนกลาง

เด บรอยน์, กุนโดกัน และ โรดรี้ คือแผงมิดฟิลด์ของแมนซิตี้ และต่างมีเทคนิคที่สูงมาก เหนือนักเตะอย่าง เฮนเดอร์สัน, ไวจ์นัลดุม และ ฟาบินโญ ในแผงกองกลางของของลิเวอร์พูล พวกเขาสามารถวิ่งออกจากตำแหน่งแดนกลาง หลายครั้งที่เขาพยายามวิ่งกดดัน ก่อนที่ เด บรอยน์ จะถ่ายบอลไปแดนหน้า ด้วยความแม่นยำและความเร็ว ลิเวอร์พูล ไม่สามารถคุมเกมตรงกลางและไม่สามารถเล่นตามสไตล์ที่ถนัด เมื่อบอลอยู่ในการครอบครองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องหากองกลางที่มีทักษะทางเทคนิค มากกว่าที่พวกเขามีอยู่ นอกจากนี้ ยังอาจจะต้องถามอีกว่า การขาดกองกลางที่มีเทคนิคสูงและสร้างโอกาสได้มากมาย เป็นสาเหตุที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มีปัญหาในการเจอกับทีมเล็กๆ หลายครั้ง เช่นเดียวกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในขณธที่พวกเขาแข็งแกร่ง และดุดัน ต่อทีมระดับสูง แต่บางครั้งการขาดตัวสร้างสรรค์เกมในแดนกลางทำให้พวกเขาต้องเล่นในรูปแบบที่คาดเดาได้ยาก และหลายครั้งก็เอาชนะได้แค่ประตูเดียว และแม้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะจบอันดับ 2 แต่พวกเขายิงมากกว่าลิเวอร์พูล 17 ประตู และสร้างโอกาสได้มากกว่าถึง 20 ครั้ง ตลอดฤดูกาล บ่งบอกได้ว่า การสร้างเกมพวกเขามีประสิทธิภาพที่ดีกว่า

ความแม่นยำในการส่งและครอสของ ลิเวอร์พูล มีโอกาสสำเร็จน้อยกว่าแมนซิตี้ แต่ถ้าลิเวอร์พูล ถูกเดาทางออกและจะอันตรายมากขึ้นในพื้นที่สุดท้าย ก็ต้องมีนักเตะอย่าง ติอาโก้ ที่มาเติมเต็มในตำแหน่งกองกลางตัวจริง และอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแผนในแดนกลาง

ลิเวอร์พูล และ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเดินอย่างไรต่อ หัวข้อ
Georginio Wijnaldum, as.com

นาบี เกอิต้า ดีกว่า ติอาโก้ หรือไม่

ในเรื่องการสร้างโอกาสยิงประตูด้วยตัวเองต่อ 90 นาที มีกองกลางลิเวอร์ฑูล คนเดียวที่มีอัตราค่าเฉลี่ยสูงกว่าติอาโก้ นั่นคือ นาบี เกอิต้า (3.53 ต่อ 2.85) ซึ่งเขายังมีปัญหาในการแย่งตำแหน่งตัวจริงในทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่ง ติอาโก้ นั้นเหนือกว่า เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ และ ไวจ์นัลดุม และ เกอิต้า ในเรื่องของการออกบอล และไม่ใช่แค่นั้น แต่เป็นการส่งบอลไปข้างหน้าได้มากกว่า และสร้างโอกาสให้เป็นประตูได้มากกว่า

อย่างไรก็ตาม การโจมตีของทีมจะเริ่มขึ้นจากการเล่นเป็นกองกลางตัวต่ำ ภายใต้การคุมทีมของ ฮันซี ฟลิค อาจจะบ่งบอกได้ว่าทำไมลิเวอร์พูลถึงสนใจติอาโก้ และนั่นคือสิ่งที่เขาสามารถนำมาสู่ลิเวอร์พูลได้ในแง่ของการเล่นของพวกเขา ทั้งการสร้างเกม การตัดบอล ที่เขาทำได้ในฤดูกาลนี้ มากกว่ามิดฟิลด์ของลิเวอร์พูลทุกคน โดยทุกๆ 90 นาที เขาจะทำได้ 2.3 ครั้ง ซึ่งดีกว่า มิลเนอร์, ไวจ์นัลดุม และ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลน เป็นที่ชัดเจนว่าคุณต้องมีคุณภาพ ทั้งในยามมีบอลและไม่มีบอล ในการเป็นตัวหลักในทีมอย่างลิเวอร์พูล และสถิติของ ติอาโก้ ก็แสดงให้เห็นว่าเขามีส่วนผสมของการเป็นจอมเทคนิค และการเป็นกองกลางตัวรับที่พร้อมจะวิ่งอย่างต่อเนื่อง

แนวทางการครองบอลตามแท็คติกของลิเวอร์พูล อาจจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าติอาโก้ ย้ายจากบาวาเรีย มาอยู่ เมอร์ซีย์ไซด์ มันอาจจะมีความดุดันมากกว่าเดิม ทั้งการแย่งบอลกลับคืนมา และมีวิธีอีกมากมาย ที่จะได้จากตัวของ อัลคันทาร่า

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าลิเวอร์พูล จะวางติอาโก้ เป็นเป้าหมายในการซื้อตัวหรือไม่ มันยังมีอีกหลายวิธีที่ทีมจะต้องปรับปรุงข้อเสนอ เพื่อไล่ล่าความสำเร็จให้มากกว่าเดิม อาเดรียน ยังห่างไกลจากความสมบูรณ์แบบนับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม และถึงแม้ว่า ในตอนแรกดูเหมือนว่าเขาจะได้โอกาส หลังอลิสซอน มีอาการบาดเจ็บ แต่ ในเกมเลกสองของแชมเปี้ยนส์ลีกที่เจอกับ แอตเลติโก มาดริด พิสูจน์ให้เห็นว่าเขายังไม่ดีพอ โจ โกเมซ ยังมีข้อผิดพลาดในบ่างครั้ง และการจ่ายบอลไม่ดีของเขา ขณะที่โจเอล มาติป ก็เจ็บบ่อย และแทบไมได้จับคู่กับ ฟาน ไดจ์ เลยในแต่ละเกม

แม้ว่าในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จะมีข่าวลือเล็กน้อย กับ คูลิบาลี แต่ดูเหมือนว่า ลิเวอร์พูล มีเงินไม่พอในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม หากต้องแก้ไข พวกเขาอาจจะต้องลงทุนอีกมากเพื่อสร้างเกมรับ และ ปัญหาอาการบาดเจ็บของ อลิสซอน น่าจะบังคับให้ คล็อปป์ หาประตูตัวสำรองที่แข็งแกร่งกว่าเดิม

ลิเวอร์พูล และ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเดินอย่างไรต่อ หัวข้อ
Naby Keita, goal.com

การใช้งานดาวรุ่ง

ท่ามกลางปัญหาที่มากมาย แต่สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้เสมอว่า บรรดานักเตะดาวรุ่งหลายคน มีพัฒนาการที่ชัดเจน และหากดูจากผลงานล่าสุด พวกเขาจำเป็นต้องได้โอกาส และมีส่วนช่วยทีมในการไล่ล่าความสำเร็จ โดยเฉพาะดางรุ่งอย่าง ฮาวีย์ เอลเลยต ที่ดูฌหมือนว่าเขาเต็มใจ ที่จะก้าวขึ้นไปทดแทน ยามที่ ซาลาห์ หรือ มาเน่ มีอาการบาดเจ็บ และสามารถช่วยให้ทีมประหยัดไปได้ 50 ล้านปอนด์ ทำให้พวกเขาไม่ต้องซื้อแนวรุกตัวใหม่

เคอร์ติส โจนส์ ยิงไปแล้ว 2 ประตูในทีมชุดใหญ่ ในการเจอกับ เอฟเวอร์ตัน และ แอสตัน วิลล่า และน่าจะเป็นอีกคนที่มีโอกาสขึ้นไปเป็นตัวจริงในอนาคต และเมื่อนักเตะเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะเล่นให้กับทีมระดับแชมป์พรีเมียร์ลีก แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่มีเหตุผลเลยว่า ทำไมพวกเขาไม่ได้รับการสนับสนุนหากพวกเขายังคงพัฒนาต่อเนื่องภายใต้ทีมของ คล็อปป์

เนโก้ วิลเลียมส์ แบ็คขวาดาวรุ่งจากเวลส์ ก็เป็นอีกคนที่ทำผลงานได้สม่ำเสมอ และได้โอกาสอย่างต่อเนื่อง ในยามที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มีปัญหา อาร์โนลด์ เป็นที่รักของแฟนบอล และจากหลายเหตุผล ในอนาคตดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษ อาจจะถูกดันไปเล่นตำแหน่งกองกลาง ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของ วิลเลียมส์ ในฤดูกาลต่อๆไป

ไม่ว่าลิเวอร์พูลจะสามารถเสริมทีมได้หรือไม่ในซัมเมอร์นี้ สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือทีมนี่จะต้องไม่แย่ลงไป ไม่ว่าพวกเขาจะซื้อมาก หรือไม่ได้เลย หลายคนรู้สึกทันทีหลังจบฤดูกาลที่ผ่านมาว่า ทีมจำเป็นต้องเสิรมอีก หลังจากทีได้ที่ 2 รองจาก แมนซิตี้และได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ลีก ที่มาดริด แต่คล็อปป์ ก็เข้าใจถึงคุณค่าของการรักษาทีมที่เต็มไปด้วยความกระหาย เข้าใจและคุ้นเคยกับแท็คติก และบทบาทของแต่ละคนอย่าง สมบูรณ์แบบ และต้องหาคนที่ไม่ต้องใช้เวลาเลยในการปรับตัว เพื่อเข้ากับทีม

ศักยภาพในการเติบโตและการปรับปรุงของพวกเขา อาจจะยังไม่เพอร์เฟคต์ แต่มันก็ยากที่จะพัฒนาทีมที่ได้ทั้งแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก และทำลายสถิติของพรีเมียร์ลีก โดยความสำเร็จของฤดูกาลต่อไป ก็ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอของพวกเขาเมื่อเทียบกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หากพวกเขายังสม่ำเสมอในฤดูกาลนี้ เหนือทีมอื่นๆ  แต่มันแทบเป็นไปไม่ได้เลย หากดูจากภายนอกมันยากที่จะบอกว่า คล็อปป์ และ ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ในการคว้าแชมป์อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผ่านมา 4 ฤดูกาล ทั้งในแง่ของแท็คติกและการทุ่มเงิน ที่ต้องเติบโตและพัฒนาขึ้นไป แต่ภายในทีมนี้ เราสามารถสัมผัสได้ถึงความกระหาย ความเป็นหนึ่งเดียว ที่จะทำให้สโมสรประสบความสำเร็จ โดยไม่ต้องลงทุนมากมาย 4 ถ้วย กับ 2 ปีที่ผ่านมาถึอเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่งสำหรับทีมที่มีประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือ คล็อปป์ และนักเตะของเขา ยังห้ามผ่อน หากต้องการจะประสบความสำเร็จต่อไป

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -

ที่นิยมมากที่สุด