หน้าแรกหัวข้อลีดส์ ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จ ในพรีเมียร์ลีกได้เหมือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็โ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ได้หรือไม่ฦ

ลีดส์ ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จ ในพรีเมียร์ลีกได้เหมือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็โ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ได้หรือไม่ฦ

สไตล์การกดดันสูงด้วยความเข้มข้น ของ มาร์เซโล เบียลซา ทำให้ทีมคว้าแชมป์แชมเปี้ยนชิพ แบบทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 10 คะแนน แต่มันน่าสนใจที่ว่าวิธีของเบียลซา และนักเตะ จะสามารถปรับตัวกับลีกสูงสุดได้ ในสไตล์ “เบียลซา บอล” ในพรีเมียร์ลีกได้ดีขนาดไหน

โดย หากมองไปที่ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส มีปรัชญาการเล่นฟุตบอลที่ชัดเจน ต่อเนื่องมาตั้งแต่ตอนที่เลื่อนชั้นขึ้นมาใหม่ และทำให้พวกเขาจบครึ่งตารางโซนบน โดยเฉพาะวูล์ฟ ที่คว้าสิทธิ์ได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรป เป็นอีกที่ 2 ติดต่อกัน

“เบียงซา บอล” จะใช้งานได้หรือไม่?

ในการแข่งขันฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลที่ผ่านมา เบียลซา พยายามเน้นการกดดันแดนบนในระดับสูง และ โจมตีอย่างรวดเร็ว และมันก็น่าประทับใจมาก ลีดส์ จบฤดูกาลด้วยการมีประตูได้เสียดีที่สุดในลีก (+42) และชนะมากที่สุด (28 นัด)

เบียลซา บอล ที่บรรลุผลมากที่สุดก็คือการเอาชนะ สโต๊ค ซิตี้ 5-0 ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม นักเตะสามารถเก็บบอลเล่นในพื้นที่เกมรุกได้มาก และ ใช้แค่ 1-2 จังหวะ ในการส่งบอลเท่านั้น ก่อนจะป้ายออกด้านข้าง โดยเฉพาะเกมรุกกาบขวา ทีเริ่มจาก เฮลแดร์ คอสต้า และปิดเกมด้วย พาโบล เอร์นานเดซ โดยพวกเขาต่อบอลกันได้ถึง 30 ครั้งอย่างรวดเร็ว และจบสกอร์โดย เอร์นานเดซ

ในขฯะที่ 2 ฤดูกาลของเบียลซา ปรัญชาของเขาที่ เอลแลดน์ โรด เริ่มออกผล แต่พวกเขาจะต้องเจอกับความท้าทายที่ยากขึ้น ในการทำมันอีกครั้งในฟุตบอลระดับ พรีเมียร์ลีก

ความเร็วในการเล่น และความเข้มข้นของการเข้ากดดัน ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล จะมีความซับซ้อน และทำให้การเก็บบอลทำได้ยาก มันจะเป็นความท้าทายที่หนักหน่วง ยิ่งเฉพาะการเจอกับทีมที่รับลึกอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, คริสตัล พาเลซ, นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด และ เบิร์นลีย์

“แท็คติกของเบียลซา” จะทำให้นักเตะเกิดอาการล้า เพราะต้องใช้ร่างกายเยอะ ในการวิ่งให้เร็วและเพิ่มจังหวะที่สูง

ตั้งแต่ช่วยเดือน ธันวาคม จนถึง ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดูกาลที่ผ่านมา เมื่อการแข่งขันเริ่มขึ้น ลีดส์ เก็บชัยชนะได้เพียงนัดเดียว จาก 10 เกม แต่สุดท้ายทีมก็เลื่อนชั้นได้สำเร็จ ทำให้มันไม่ได้แย่นัก

ลีดส์ ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จ ในพรีเมียร์ลีกได้เหมือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็โ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ได้หรือไม่ฦ หัวข้อ
Marcelo Bielsa, goal.com

จำเป็นต้องมีนักเตะใหม่

เห็นได้ชัดว่า เบียลซา จะต้องใช้แท็คติกของเขา ที่เขาใช้มาตลอดการเป็นโค้ช แต่การมีขุมกำลังที่มากขึ้น มันจำเนใหญ่อย่าง เพื่อเอาตัวรอดจากการตกชั้น

เบน ไวท์ เซ็ฯเตอร์แบ็ค ถือเป็นกุญแจสำคัญ ในเกมรับฤดูกาลที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ เลียม คูเปอร์ กัปตันทีม แนวรับวัย 22 ปี ลงสนามไปทั้งหมด 49 นัดในทุกรายการให้กับลีดส์ การเล่นของเขาค่อนข้างง่าย แม้จะเน้นเรื่องการครองบอลเสียเป็นส่วนใหญ่ ในความสำเร็จของเบียลซา

อย่างไรก็ตาม ไวท์ จะต้องกลับไปต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน แม้ว่าลีดส์ จะต้องการเขามาร่ทีมอย่างถาวรก็ตาม

นักเตะอย่าง ปาสกัล สตรุยจ์ค (5 นัด) และ กาเอตาโน่ เบราร์ดี้ (21 นัด) ถูกยกว่าจะเข้ามาแทนที่ของไวท์ และ คูเปอร์

แต่ฤดูกาลที่ผ่านมาทั้งคู่ เป็นตัวสำรอง สำหรับเบียลซา

ลีดส์ จำเป็นต้องต้องเสริมนักเตะในแนวรุกให้มีมากขึ้นในฤดูกาลที่จะถึงนี้ แพทริค แบมฟอร์ด ยิงไปทั้งสิ้น 16 ประตู จาก 45 นัด

ปัจจุบัน เจย์ รอย กรอต ที่เพิ่งกลับมาหลังทำผลงานได้ไม่ดี ในช่วงที่ถูกปล่อยยืมตัวให้ วิเทสส์ ในฮอลแลนด์ คือกองหน้าที่เขามาเสริมทีม กรอต ยิงไปได้แค่ 2 ประตูเท่านั้นในลีก ดัตซ์ โดยเขาได้ลงสนามไปถึง 22 นัด

การเป็นตัวหลักของ แบมฟอร์ด คือสิ่งสำคัญ แต่พวกเขายังต้องการอีกสัก 2 คน เพื่อให้เข้ากับระบบ 3 กองหน้า เพื่อมาประสานงานกับ ดาวยิงวัย 26 ปี

ลีดส์ ยูไนเต็ด จะประสบความสำเร็จ ในพรีเมียร์ลีกได้เหมือน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็โ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ ได้หรือไม่ฦ หัวข้อ
Liam Cooper, telegraph.co.uk

สิ่่งที่ลีดส์ สามารถเรียนรู้จาก วูล์ฟแฮมป์ตัน และ เชฟฟิลด์

ทั้ง 3 ทีมต่างมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด และ วูล์ฟ ต่างมีความเหมือนกันคือพวกเขาประสบความสำเร็จในการเล่นพรีเมียร์ลีก

แต่นี่เป็นครั้งแรกของลีดส์ ทั้ง 2 สโมสร ต่างเชื่อมั่นในสไตล์ของผู้จัดการทีม อย่าง วิลเดอร์ ก็จะมาในระบบ 3-5-2 โดยเน้นที่การโต้กลับตรงกลง

วิลเดอร์ ใช้ระบบการเล่นนี้ ทั้งฤดูกาล 44 นัด แต่ระบบนี้ จะทำให้ทีมมีโครงสร้างเกมรับที่แข็งแกร่ง และโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว และทำให้พวกเขาจบอับดับ 9  และเป็นทีมที่มีแนวรับดีที่สุดลำดับ 4

วิลเดอร์ ยึดระบบ 3-5-2 มา 3 จาก 4 ฤดูกาลหลังที่เขาเข้ามาคุมดาบคู่

ครั้งเดียวที่พวกเขาตัดสินใจเปลี่ยนระบบ ก็คือ ฤดูกาล 2018/10 ที่พวกเขาเลื่อนชั้น พวกเขาปรับเล็กน้อย จากเดิมที่จะให้กองกลางยืนร่วมกัน 5 ตัว แต่พวกเขาขยาย เลเยอร์ออกเป็น 3-4-1-2 ที่นี่

ในขณะที่ วูล์ฟ เน้นเกมรุก มากกว่า ดาบคู่ และปรัชญาของ เอสปิริโต้ ซานโต้ นั้นมีลักษณะที่คล้ายกัน

นอกจากนี้ โค้ชชาวโปรตุกีส ยังเป็นอีกคน ที่ใช้กองหลัง 3 คน โดยยืดระบบ 3-4-1-2 หรือ 3-5-2 ซึ่งข้อแตกต่างที่สำคัญเพียงอย่างเดียวคือ วูล์ฟ มีนักเตะพรสวรรค์ในทีมเยอะมาก

ในช้วงฤดูกาลแรกของ เอสปิริโต้ ซานโต้ ในฤดูกาล 2017/18 ในแชมเปี้ยนชิพ วูล์ฟ ใช้ 3-4-1-2 ในการแข่งขันถึง 47 นัด และทำให้ทีมคว้าแชมป์ ด้วยการมี 99 คะแนน ในแชมเปี้ยนชิพ

และในพรีเมียร์ลีก บางครั้งวูล์ฟก็ปรับมาใช้ระบบ 3-4-1-2 แต่พวกเขาก็มักจะใช้ 3 กองหลัง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้จัดการทีมไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรในเรื่องของปรัชญา และทำให้พวกเขาได้ไปเล่นยูโรป้า ลีก รอบคัดเลือก

ด้วยการเพิ่มเติมสิ่งใหม่ๆเข้ามาในทีม ปรัชญาของ เบียลซา บอล อาจจะส่งผลทางด้านต่อลีดส์ หาก ชาวอาร์เจนไตน์ สามารถซื้อนักเตะที่ถูกต้อง อย่าง เบน ไวท์ โดยไม่ต้องทุ่มเงินสูง ลีดส์ อาจจะจบด้วยตำแหน่งครึ่งบนของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลหน้า

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -

ที่นิยมมากที่สุด