บาร์ซา ใช้ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ลดค่าใช้จ่ายลงมาอย่างมาก โดยเฉพาะการปล่อยตัวนักเตะออกไปมากมาย และบังคับนักเตะหลายราย ให้ยอมรับค่าเหนื่อยน้อยลงกว่าเดิม จากการจัดการการเงินที่ผิดพลาดในช่วงหลายปี
การทำแบบนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ และตอนนี้ก็มีข่าวลือว่าพวกเขา มีรายได้ต่อปี น้อยกว่าวัตฟอร์ด และไม่เพียงพอที่จะทำให้ ลิโอเนล เมสซี อยู่กับทีมต่อไป
พวกเขามีมีภาพลบมากมาย ในการแข่งขัน รอบน็อตเอาท์แชมเปี้ยนส์ลีกก่อนหน้านี้ ทั้งการตกรอบเพราะโรมา, ลิเวอร์พูล, บาเยิร์น มิวนิค และ ทำให้ แฟนบอลบาร์ซา ตกอยู่ในช่วงเวลาที่มืดมน
หลังจากที่ประสบความสำเร็จมากกว่า 2 ทศวรรษ ในช่วงต้นทศวรรษนี้ พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่คุณต้องย้อนไปดูในช่วงฤดูกาล 2002/03 นั่นคือบาร์ซา เวอร์ชันที่มีปัญหามากกว่านี้
กุนซือชาวดัตช์อีกราย
ตอนนั้นพวกเขามีโค้ชจากแดนกังหันลมเข้ามาคุมทีมเหมือนกับตอนนี้ หลังจากที่ทีม ประสบความล้มเหลว ภายใต้การทำงานของ โยเรนค์ เซร์รา เฟร์เรร์ และ การ์เลส เรซัค, หลุยส์ ฟาน กัล ก็เข้ามารับตำแหน่งที่คัมป์ นู เป็นครั้งที่สองในช่วงซัมเมอร์ปี 2002
ผู้ติดตามของ ฟาน กัล ต่างมีเสียงภกเถียงกันว่าควรจขะมีการเลือกกันใหม่ แม้จะคว้าแชมป์ลาลีกาได้ 2 สมัย แต่ภายใต้การคุมทีมของเขา มีเปอร์เซ็นต์ชนะเพียง 55 เปอร์เซนต์ เท่านั้น และความผิดพลาดในแชมเปี้ยนส์ลีกในปี 2000 ก็ยังติดตา ทั้งๆที่นั่นคือขุมกำลังที่ดีที่สุดในยุโรปก็ตาม
และการกลับมาของเขา ก็คือการปล่อยตัว ริวัลโด้ ออกไป แม้ว่าแฟนบอลจะรักเขามากแค่ไหน แต่การเหลือสัญญากับทีมอีกแค่ 1 ปี ทำให้เขาเลือกที่จะปล่อยตัว
ริวัลโด้ ผ่านฤดูกาลก่อนหน้า ด้วยกรมีผลงานแย่ที่สุดกับ บาร์ซา หลังยิงไปเพียง 13 ประตู จากทุกรายการ แต่นักเตะรายนี้คือสัญลักษณ์ของสโมสรมาเกือบสีปี และยังเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก กับ บราซิล ก่อนจะกลับมาที่สเปน การตัดสินใจของ ฟาน กัล ในการปล่อยตัว แปลว่าไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ
“ฟาน กัล คือ สาเหตุหลักที่ทำให้ผมย้ายทีม ผมไม่ชอบฟาน กัล และผมแน่ใจว่าเขาก็ไม่ชอบผมเช่นกัน” อดีตเจ้าของบัลลงดอร์กล่าวในตอนนั้น
“เขาขาดความกระหายในการรับใช้สโมสร เขาแค่สนใจเรื่งเงินที่มากขึ้น และลงสนามน้อยลง” ฟาน กัล ตอบโต้ “เขาเล่นให้บราซิล ในแบบที่เราต้องการที่บาร์เซโลน เขาแสดงให้เห็น ในรอบชิงบอลโลก แสดงให้เห็นว่าเขาถนอมตัวเอง เพื่อไปญี่ปุ่น”
“การเซ็นสัญญาทางการเมือง”
สิ่งต่างๆไม่ได้ง่ายขึ้นที่บาร์ซษ พวกเขาอยู่ครึ่งล่างจองตาราง ในช่วงกลางเดือนตุลาคม หลังแพ้ ให้กับ เรอัล เบติส และ เรอัล บายาโดลิด หลังจากนั้นก็แพ้อีกสี่นัดก่อนคริสมาสต์ ทีมที่มีมูลค่าแพงที่สุด ต้องมาดิ้นรนหนีการตกชั้น
ไม่มีใครเจอกับ ภัยพิบัติของทีม มากไปกว่า ฮวน โรมัน ริเกลเม่
หลังจากควักเงิน 11 ล้านยูโร เพื่อคว้า ริเกลเม่ มาในเดือนพฤศจิกายน 2002 บาร์เซโลนา คาดหวังในตัวเขาสูงมาก สำหรับจอมทัพรายนี้ แต่ฟาน กัล กลับไมปลื้ม
ฟาน กัล พูดถึง ริเกลเม ว่าเป็นการซื้อทางการเมือง เป็นการพยายามหาตัว แทน นิวัลโด้ แทนที่จะไว้วางใจตัวเขา แต่กลับมองไปที่ตัวบุคลล
เขาใช้ริเกลเม่ เท่าที่จำเป็น และ บางครั้งก็จับไปเป็นปีก เพื่อพยายามให้ จอมทัพรายนี้ยอมรับความจริง และจะได้มีบทบาทในทีม ในหัวของ ฟาน กัล กับ บาร์เซโลนา และมองข้ามทักษะของริเกลเม
และการตัดสินใจก็แปลกนักกว่านั้น เมื่อฟอร์มของบาร์ซา ในลีก ยังไม่เปลี่ยนแปลง และ ฟานกัล โดนไล่ออกหลังจากที่ทีมแพ้ เซลต้า บีโก้ 2-0 ในเดือนมกราคม 2003 ตอนที่โค้ชถูกไล่ออก บาร์ซา มีแค่สามคะแนนเหนือโซนตกชั้นเท่านั้น
ฟาน กัล ตัดสินใจไม่ถูก “เขาเขามาในห้องแต่งตัว หลัจากได้ยินข่าวและก็เริ่มคุย และเขาก็ร้องไห้เหมือนเด็กทารก” ฟิลลิปเป้ คริสตันวัล กองหลังของของทีมกล่าวกับ SRF ในปี 2016
วันรุ่นที่ได้รับการผลักดัน บัลเดส และ อิเนียสต้า
ราโดมีร์ อันติช อดีตโค้ชของเรอัล มาดริด ถูกนำตัวเข้ามา โดยมีเป้าหมายคือการพาทีมหนีตกชั้น อันติช ให้โอกาส บิคตอร์ บัลเดส และ อันเดรส อิเนียสต้า ในทีมชุดใหญ่ หลังจากคว้าตัว ฮวน พาโบล โซริน เข้ามา
นอกจากนี้เขายังดัน มิดฟิลด์อีกคนลงสนาม และปล่อยให้เขามีอิสระไม่ต้องเล่นเกมรับ และทำให้เขาปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ของตัวเองออกมา และ ชาบี คือชื่อของนักเตะคนนั้น
ฟอร์มของทีมดีขึ้นเรื่อยๆ ขยับตัวห่างออกจากโซนตกชั้น และช่วยให้นักเตะมีสมาธิกับบอลยุโรป
บาร์เซโลนา กำลังผ่านเข้ารอบในแชมเปี้ยนส์ลีก แต่การเล่นในลีกของเขากับวุ่นวาย บาร์ซา ทำแต้มหล่นแค่นัดเดียวจาก 12 นัด ในการเสมอแบบไม่มีสกอร์ในการเจอกับ อินเตอร์ มิลาน
นิวคาสเซิล เสียท่าให้พวกเขาทั้งไปและกลับ ทีมของแอนดิค ผ่านเข้าสู่รอบกอนรองชนะเลิศ ไปเจอกับ ยูเวนตุสที่กำลังมั่นใจ
ยูเวนตุส อาจจะเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 3-2 แต่พวกเขาก็ต้องออกแรงเหนื่อยกว่าจะเอาชนะบาร์ซาได้ ในเกมรอบนี้
บาร์ซา เก็บ 19 คะแนนจาก 8 เกมสุดท้ายของลาลีกา และจบอันดับ 6 ได้ไปเล่นยูฟ่า คัพ ในฤดูกาลหน้าต้องขื่นชมความกล้าของพวกเขาในเกมกบัยูเวนตุส
มันอาจจะไม่ใช่ความสำเร็จที่สำคัญ แต่นั่นคือผลงานในลีกที่แย่ที่สุดในรอบ 15 ปี ของบาร์ซา อย่างไรก็๖าม เมื่อมองถึง สถานการณ์ในช่วงเดือนมกราคม 2003 ความสามารถของอันดิค ในการรักษาเรือลำนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่
ลาลีกาคือลีกที่ทรงพลังในเวลานัน้ เรอัล มาดริด ก็ยอดเยี่ยม บาเลนเซีย ของราฟา เบนิเตซ ก็เป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่ง กาลิเซีย ก็มีสองทีมใหญ่อย่าง เซลต้ บีโก้ และ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญา และ เรอัล โซเซียดาด ก็มีฤดูกาลที่ดีที่สุด และต้องขอบคุณประตูของ นิฮัด คาห์เวซี
ซัมเมอร์ในปี 2003
ในประวัติศาสตร์ของสโมสร ซัมเมอร์ 2003 ถือเป้นเหตุการณ์สำคัญ โจน ลาปอร์ต้า ได้เป็นประธานสโมสร และแฟรงค์ ไรจ์การ์ด ได้เป็นโค้ชคนใหม่
บาร์ซา กลับมาจบอันดับ 2 ในปี 2003-04 ต้องขอบคุณนักเตะใหม่อย่าง โรนัลดินโญ ในการคว้าแชมป์ ลาลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก ในอีก 2 ฤดูกาลต่อมา
ทั้งหมดดูเหมือนเป็นไปไม่ได้หากมองหน้าหนาวในฤดูกาล 2002/03 แต่บางทีสโมสรต้องตกต่ำให้สุดก่อนจะกลับมารุ่งเรืองเหมือนสมัยก่อน
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับทีมบาร์เซโลนา ชุดปัจจุบันควรจดจำไว้