หน้าแรกหัวข้ออิตาลี เป็นตัวเต็งในยูโร 2020 หรือ เก่งแค่กับทีมที่อ่อนกว่า

อิตาลี เป็นตัวเต็งในยูโร 2020 หรือ เก่งแค่กับทีมที่อ่อนกว่า

31 เกม แพ้ 0 และเกมล่าสุดที่เวมบลีย์ อิตาลี ก็สร้างสถิติใหม่ในทีมชาติ และนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขารอดพ้นจากความพ่ายแพ้ต่อออสเตรีย ไปแบบหวุดหวิด

ตอนที่ อัซซูรี เดินทางไปเวียนนา เมื่อแข่งขันศึกยุโรปกลาง เมื่อปี 1937 พวกเขาก็ทำสถติไม่แพ้ใครเกิน 1 ปี และไม่แพ้ใคร 30 เกมในปีเดียว

ตอนนั้นพวกเขาต้องตกเป็นฝ่ายตามหลังถึง 74 นาที แต่การแข่งขันก็ถูกยกเลิกจากการจลาจลของแฟนบอล และบรรยากาศทางการเมืองที่วุ่นวานในยุโรป ก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากนั้น อิตาลีก็ไม่แพ้ใครอีกเป้นเวลา 2 ปี หลังจากที่รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ ก่อนจะก้าวไปเป็นแชมป์โลก ในปี 1938

โชคดีที่ครั้งนี้ มี VAR ไม่ใช่ สงครามโลก ที่ช่วยให้พวกเขารอดตายจากออสเตรีย ในเกมดังกล่าว และพวกเขาดูมีทีท่าว่าจะตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายของยูโร 2020 แบบสุดช็อค ก่อนที่ประตูของ มาร์โก อาร์เนาโตวิช จะถูกจับล้ำหน้าไปเพียงแค่เซนติเมตรเดียว

คอนนี้พวกเขาพยายามหาทางเดินตามรอย แบบที่พวกเขาทำในปี 1938 ด้วยการคว้าแชมป์ ยูโร 2020 ให้ได้ มันเป็นเรื่องยากที่จะเถียงกับสถิติของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาถูกยกให้เป็นเต็งสอง ของบรรดา 16 ทีมที่ผ่านเข้ารอบมา อย่างไรก็ตาม มีคำถามอยู่ข้อหนึ่ง ที่ทำให้ต้องฉุกคิดว่า พวกเขาจะสามารถไปจนสุดทางได้จริงหรือ?

อิตาลี เป็นตัวเต็งในยูโร 2020 หรือ เก่งแค่กับทีมที่อ่อนกว่า หัวข้อ

บางคนอาจจจะพูดเรื่องสถิติไร้พาย 31 นัด มันพิสูจน์ให้เห็นแล้ว ว่ามันไม่มีอะไรน่าสงสัย แต่มันคงดีกว่านี้ หากมองถึง ทีมที่พวกเขาต้องเจอ ครั้งสุดท้ายที่พวกเขาแพ้นั้น ต้องย้อนไปถึงเดือนกันยายน 2018 ที่แพ้ให้กับโปรตุเกส ในเนชันส์ ลีก

หลังจากนั้น พวกเขาก็ต้องเจอกับคู่ต่อสู้ทีมเดิมๆ ในฟุตบอลยูโร รอบคัเลือก ที่พวกเขาต้องอยู่ร่วมกลุ่มกับทีมอย่าง ฟินแลนด์, บอสเนียแอนด์ เฮอร์เซโกวีนา, กรีซ, อาร์เมเนีย และ ลิกเตนสไตน์ ด้วยกลุ่มเหล่านี้ ทำให้ไม่มีใครกล้าคิดว่าพวกเขาจะชนะทุกเกม

ตั้งแต่นั้นมา ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขาคือการเอาชนะเนเธอร์แลนด์ ไปด้วยสกอร์ 1-0 แต่นอกจากทัพอัศวินสีส้มแล้ว พวกเขายังไม่เจอของแข็งเลย

พวกเขาผ่านกลุ่ม เอ ของยูโร ด้วยการชนะทีมอย่าง ตุรกี, สวิตเซอร์แลนด์ และ เวลส์ ซึ่งทุกนัดแข่งจันกันที่กรุงโรม แต่แม้ผลลัพธ์เหล่านั้นจะออกมามันไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะไปถึงแชมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเวลส์ รองแชมป์กลุ่มที่จอดป้ายรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการแพ้ เดนมาร์กไป ถึง 0-4

การได้เล่นในบ้านถือเป็นข้อได้เปรียบของอัซซูรี ในรอบแบ่งกลุ่ม และรอบน็อคเอาท์ พวกเขาได้เผชิญหน้ากับออสเตรียเป็นบททดสอบแรก และมาดูว่าพวกเขาจะรับมืออย่างไร หากปราศจากข้อได้เปรียบในการเล่นในบ้าน มันดูเหมือนเป็นเรื่องปกติในช่วงแรก เนื่องจากพวกเขาเดินหน้าเข้าใส่ตั้งแต่ต้นเกม

และดูเหมือนว่าพวกเขาจะเรียกแบบฟอร์มการเล่นของอังกฤษ ในยูโร 2020 ที่เน้นสกอร์ 0-0 ไว้ก่อนแล้วค่อยๆ ดร็อปลงไป

เกมโต้กลับของอิตาลี ดูอันตรายกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยช่วงเวลาสำคัญคือช่วง 20 นาทีแรก หลังจากที่พวกเขามีโอกาสครองบอลเพียงแค่ 42% เท่านั้น แต่พวกเขาก็ทำเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะทางด้ายซ้ายที่มีทั้ง เลโอนาร์โด้ สปินาซโซลา, มาร์โก แวร์รัตติ และ ลอเรนโซ อินซิเญ ที่ประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม

อิตาลี เป็นตัวเต็งในยูโร 2020 หรือ เก่งแค่กับทีมที่อ่อนกว่า หัวข้อ

ด้วยลักษณะเกมรับในช่วงแรกกับออสเตรีย ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะมีปัญหาบางอย่างในรอบแบ่งกลุ่ม อิตาลี ไม่แพ้ใคร แต่ จิโอวานนี ดิ ลอเรนโซ, ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้ และ อเลสซานโดร สปินาซโซลา ร่วมกับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี จะเล่นร่วมกันเป็นแผงแบ็คโฟร์ ที่เวมบลีย์

ดิ ลอเรนโซ่ เพิ่งอายุ 27 ปี แต่นี่เพิ่งเป็นเกมที่ 10 ของเขา และแบ็คขวาจากนาโปลีไม่เคยเล่นรอบ 16 ทีมสุดท้ายในแชมเปี้ยนส์ลีกมาก่อนเลย

อแชร์บี้ อายุ 33 ปี แล้ว น้อยกว่า โบนุชชี เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้น แต่นี่เพิ่งเป็นเกมที่ 17 ของเขากับทีมชาติ ดาวเตะจากลาซิโอไม่เคยเล่นรอบลึกๆ ในแชมเปี้ยนส์ลีกเลย

สปินาซโซล่า อายุ 28 ปี แต่นี้เพิ่งเป็นเกมที่ 17 ของเขา เขาได้โอกาสเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้นกับยูเวนตุสในปี 2019

ทั้ง ดิ ลอเรนโซ และ อแชร์บี้ ตอนแรกถูกวางเป็นแค่ตัวสแตนด์บายเท่านั้น หลัง อเลสซานโดร ฟลอเรนซี และ จิออร์จิโอ้ คิเอลลินี ที่มีประสบการณ์มากมาย น่าจะพร้อมในรอบก่อนรองชนะเลิศ ที่จะเจอกับ เบลเยียมหรือโปรตุเกส

ฟลอเรนซี เคยเล่นรอบรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก กับ โรมา และ เปแอสเช ในขณะที่คิเอลลีนี เคยเล่นในรอบชิงชนะเลิศมาแล้วสองครั้งโดยจับคู่กับ โบนุชชี ตั้งแต่รอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2012 การกลับมาของพวกเขาช่วยให้อัซซูรี รับมือกับปัญหาที่ออสเตรียสร้างขึ้นมาได้ดี

อย่างไรก็ตามมีเครื่องหมายคำถามที่คล้ายกันในเกมรุก จากรอบแบ่งกลุ่มที่พวกเขาใช้ อินซิเญ่, ชิโร่ อิมโมบิเล่ และ โดเมนิโก้ แบราร์ดี้ เล่นร่วมกัน ซึ่งทั้งสามคนต่างทำผลงานได้น่าประทับใจ และมีการประสานงานส่วนๆในเกมกับ ออสเตรีย ก่อนจะค่อยๆ หายไป แต่ในเกมใหญ่ ในการเจอกับชาติมหาอำนาจยุโรป พวกเขาจะสามารถทำได้ดีหรือไม่

เราไม่ทราบคำตอบว่า อินซิเญ่ อายุ 30 ปี แต่เพิ่งยิงในนามทีมชาติไปเพียงแค่ 9 ประตู และไม่เคยเล่นรอบลึกกว่า 16 ทีมสุดท้ายในแชมเปี้ยนส์ลีกกับนาโปลี แบราร์ดี้ วัย 26 ปี  ทำไป 5 ประตู ให้กับอัซซูรี และเคยเล่นให้ซัสซูโอโล ในยูโรป้า ลีกเท่านั้น

อิตาลี เป็นตัวเต็งในยูโร 2020 หรือ เก่งแค่กับทีมที่อ่อนกว่า หัวข้อ

อิมโมบิเล่ อาจจะเป็นนักเตะที่น่าสนใจที่สุด หลังจากปีที่แล้ว เขาทำสถิติทำประตูได้มากที่สุดตลอดกาลในเซเรีย อา ปีเดียว โดยทำไป 36 ประตู จาก 37 เกมให้ลาซิโอ

เจาเล่นในแชมเปี้ยนส์ลีกกับ เบียงโคเชเลสเต้, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ เซบีญา แต่ไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายเลย เขาอยุ 31 ปี และตอนนี้ก็ยิงให้อิตาลีไปเพียง 15 ประตูเท่านั้น

อิมโมบิเล่ เปรียบเป็นเหมือน เจมี วาร์ดี้ ของเลสเตอร์ ที่ยิงประตูในลีกบ้านเกิด แต่ไม่สามารถสร้างความแตกต่างได้เลยในการเล่นเกมยุโรป หรือระดับนานาชาติ

เฟเดริโก้ เคียซ่า กำลังพยายามแย่งเป็นตัวจริง หลังจากที่เขาทำประตูให้อิตาลี เอาชนะออสเตรียได้ในช่วงต่อเวลาพิเศษ แต่เขาก็ไม่เคยไปได้ไกลกว่ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของแชมเปี้ยนส์ลีก ถึงแม้ว่าเขาจะอายุน้อย และเพิ่ง 23 ปี เท่านั้น

ความสำเร็จในปัจจุบันของเกมรุกอิตาลี คำชมส่วนใหญ่ตกไปที่โรแบร์โต้ มันชีนี ที่ทำในสิ่งที่โค้ชที่ดีควรทำ นั่นคือการดึงศักยภาพที่หลบซ่อนอยู่ของนักเตะออกมา และให้นักเตะทำในสิ่งที่เขาคิดว่าทำไม่ได้

เมื่อเปรียบเทียบตัวเลือกของอิตาลี กับทีมอื่นๆ ที่คาดว่าจะคว้าแชมป์ ยูโร 2020 นั้น อัซซูรี มีนักเตะหลายคนที่ไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เทียบกับ คาริม เบนเซมา ที่ได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกมา 4 สมัย และ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ กับ อองตวน กรีซมันน์ ที่เคยเป็นแชมป์โลกมาแล้ว

อิตาลี เป็นตัวเต็งในยูโร 2020 หรือ เก่งแค่กับทีมที่อ่อนกว่า หัวข้อ

เควิน เดอ บรอยน์ กำลังประสานงานได้อย่างลงตัวกับ โรเมลู ลูกากู และบางที เอเด็น อาซาร์ อาจจะช่วยยกระดับเบลเยียมให้ ก้าวหน้าเหมือนในแชมเปี้ยนส์ลีกและที่สำคัญเขายังมีส่วนพาทีมเข้ารอบรองชนะเลิศ ฟุตบอลโลก

โธมัส มุลเลอร์, เซิร์จ กนาบรี, ไค ฮาเวิร์ตซ์ และ ติโม แวร์เนอร์ นักเตะเหล่านี้ได้แชมป์แชมเปี้ยนส์ลีกในช่วงสองปีหลังอยู่ในทีมชาติเยอรมันชุดนี้

อังกฤษ มีแฮร์รี เคน, ราฮีม สเตอร์ลิง, เมสัน เมาท์ และ ฟิล โฟเด้น ทุกคนเคยเล่นในนัดชิงชนะเลิศ และในเคสของเมาท์ เขาเป็นแชมป์มาแล้ว

โปรตุเกส มีคริสเตียโน โรนัลโด้

การมีนักเตะดังในทีมไมได้การันตีความสำเร็จ ฟอร์มในอดีตไม่สามารถบอกผลในอนาคต อย่างไรก็ตามพวกเขาเหล่านี้เป็นนักเตะที่เล่นในระดับสูงสุด ในขณะที่กองหน้าของอิตาลี ไม่มีประสบการณ์เลย

นี่เป็นโอกาสที่พวกเขาจะแสดงมันออกมา หากพวกเขาผ่าน เบลเยียมหรือโปรตุเกส ในรอบก่อนรองชะนเลิศได้ พวกเขาก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว

หากอิตาลี รักษาสถิติไร้พ่ายของพวกเขาไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2020 พวกเขามีศักยภาพที่เป็นที่จดจำว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดที่อิตาลีเคยมีมา แต่พวกเขาก็เสียงต่อการถูกจดจำว่า พวกเขาเก่งแค่กับทีมเล็ก หากพวกเขาไปได้เพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -

ที่นิยมมากที่สุด