กรกฎาคม 2018 บราซิล ลงสนาม พบกับ เม็กซิโก เนย์มาร์ จบลงที่ม้วนไป 7 รอบ บนพื้นสนาม ต่อหน้าสายคนทั่งโลก ที่กำลังจับตามอง พร้อมโดนถากถางว่ามันเป็นการบาดเจ็บที่เกินจริง ตั้งแต่นั้นมา สื่อก็เต็มไปด้วยมุมมองมากมาย แม้แต่สุนัขก็สงสัย โดยเฉพาะคนนอกประเทศบราซิล ในขณะเดียวกัน Globo หนังสือพิมพ์บราซิล ได้พาดหัวข่าววว่า “เนย์มาร์มีเสน่ห์ต่อคนบราซิล แต่ทำให้คนทั้งโลกต้องเสียใจ”
เราต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งนั้น
พฤศจิกายน 2015 ที่ บาร์เซโลนา เจอกับ บียาร์เรอัล เนย์มาร์ ดาซิลวา ซานโตส จูเนียร์ รับบอลจากหลุยส์ ซัวเรซ ก่อนที่จะโชว์ลีลา ด้วยการตวัดบอลขึ้นมาเหนือหัว ก่อนหมุนตัวยิงบอลเสียบตาข่าย โดยใช้เวลาแค่พริบตาเดียว ความสวยงามของเขาทำให้มันดูเป็นเรื่องง่าย สนุกสนาน และมีความมั่นใจ โดยเฉพาะคนที่โตมาจากฟุตบอลข้างถนน การเคลื่อนไหว เทคนิคอันแพรวพราว จุดประกาสให้กับเขา และเป็นเอกลักษณ์ของเนย์มาร์ รวมถึงบราซิล และฟุตบอลบราซิล
เมื่อฝรั่งเศส เขี่ย บราซิล ตกรอบฟุตบอลโลก 2006 ที่เยอรมัน ตอนนั้น เนย์มาร์ต้องรออีก 3 ปี ก่อนจะได้รับสัญญาการเป็นนักฟุตบอลอาชีพฉบับแรก แต่เส้นทางในอนาคตของเขาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่ว่าใครจะรู้หรือไม่ก็ตาม และด้วยความกดดัน และความคาดหวังของคนทั้งประเทศ ที่ชื่นชอบฟุตบอล หรือแม้แต่บรรดาฮีโร่ ก็ไม่อยากให้อภัย
ทำความเข้าใจกับตำแหน่งของเนย์มาร์ ณ ปัจจุบัน
เมื่อเข้าใจตำแหน่งปัจจุบันของเนย์มาร์ ทีมในปี 2006 ถือว่าสำคัญ สำหรับทั้ง โรนัลโด้ และ โรแบร์โต้ คาร์ลอส ที่ถือเป็นทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของพวกเขาไป ซึ่งก่อนหน้านี้ พวกเขาก็ดร็อปไป ก่อนจะกลับมา แต่หลังประกาศเลิกเล่นทีมชาติได้ไม่นาน หลังการเสียชีวิตของคุณพ่อ อาเดรียโน ดาวอีกหนึ่งดวง ทำให้ปัญหามันเริ่มใหญ่ขึ้น เพราะนักเตะรายนี้กลายเป็นโรคซึมเศร้า และสุดท้ายก็หลุดจากทีมชาติ ในชุดของดุงก้า และทำให้เขากลายเป็นคนติดแอลกอฮอลล์ ที่ต้องดื่มทุกครั้งหลังการแข่งขัน จนทำให้เขาไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมาได้อย่างเต็มที่ กาก้า และ โรนัลดินโญ อีกสองซูเปอร์สตาร์ ที่อยู่กับทีมร่วมกับโรนัลโด้ และ อาเดรียโน ในปี 2006 เริ่มแสดงความเป็นตัวตายตัวแทน แต่ก็ขาดความต่อเนื่อง
วันที่ 4 กรกฎาคม 2012 ในการจัดอันดับ ฟีฟ่าแรงกิ้ง บราซิล ตกไปอยู่ที่ 11 และถือเป็นครั้งแรกที่เซเลเซา หลุดท็อป 10 นับตั้งแต่มีการจัดอันดับมาเมื่อปี 1993 โดยอันดับต่ำสุดของพวกเขาเกิดขึ้น คือ อันดับ 22 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2013 การกลับมาของ โจก้า โฐนิโต้ ของบราซิลถูกลืมเลือนหายไป จนกระทั่งเนย์มาร์ ก้าวเข้ามา
สถิติที่น่าประทับใจ และผู้สืบทอดของ เปเล่ และ โรนัลโด้
เด็กหนุ่มจากเทศบาลเมือง เซา เปาโล แห่ง โมกิ ดาส ครูเซส เขาเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีความสามารถมากที่สุด และมีโอกาสที่จะย้ายไปค้าแข้งนอกประเทศ แม้คุณจะแอบเอาเขาไปเปรียบเทียกับตำนานบางคน แต่ในรุ่นเดียวกัน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เขาคือคนที่มีความสามารถและคุณภาพ ที่จะนำพาประเทศกลับสู่ความยิ่งใหญ่ ด้วยไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยมของเขา ความเร็วในการตัดสินใจ และย้อนกลับไปสู่ยุคแห่งฟุตบอลทีสนุกสนาน เหมือนกับที่ บราซิล ครอบครองโลกของฟุตบอล ด้วยเอกลักษณ์ของพวกเขา และการหาประโยชน์จากฟุตบอลโลก ได้หล่อหลอม อัตลักษณ์ของประเทศ
สิ่งที่ทำให้ประทับใจยิ่งกว่าคือความจริงที่แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมอาจจะไม่ชอบชี้หน้าในเกมรุก และกองกลาง แต่เขาก็กลายเป็นดาวยิงสูงสุดลำดับสามของบราซิลตามหลัง เปเล่ และ โรนัลโด้ สำหรับนักเตะดาวรุ่งที่เป็นกองหน้า (เปเล่ และ ริเวลิโน, ไจร์ซินโญ และ การ์รินชา, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ – มาราโดนา มีบัลดาโน และเบอร์รุชากา) ทีมที่ยิ่งใหญ๋ของบราซิลในอดีต ทุกชุดล้วยมีความโอกาสที่สมบูรณ์แบบ
แต่ถ้าคุณดูทีมฟุตบอลโลก 2010 และ 2014 คุณจะเห็นคุณภาพของกองหน้า (หลุยส์ ฟาเบียโน, นิลมาร์, กราฟิเต้, ฮัล์ค, เฟร็ด, เบอร์นาร์ด, โจ และอีกมากมาย) นี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณคาดหวังจากประเทศที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในฟุตบอลโลก นอกเหนือจากโรบินโญ ที่โตขึ้นมาพร้อมกัน หลังจากนั้น กานโซ และ ออสการ์ก็ล้มเหลว ในการเล่นฟุตบอลอาชีพ แม้จะมีความสร้างสรรค์มากมาย ในตำแหน่งกองกางบราซิล ทุกอย่างยังเดินหน้าต่อไปได้ ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ เนย์มาร์ ที่ยังมีความอัศจรรย์ และต้องแบกทีมอย่างหนัก โดยเฉพาะการแข่งขันในรายการใหญ๋ๆ ทั้งโอลิมปิก ที่เขาพาทีมคว้าเหรียญทองและเหรียญเงิน การเข้าถึงฟุตบอลโลกรอบรองชนะเลิศ ในบ้าน พร้อมยิงไป 57 ประตู จาก 89 นัด แต่สุดท้ายผลการแข่งขันคือสิ่งที่ทีมต้องการเสมอจากแฟนบอลบนอัฒจันทร์
สำหรับประเทศที่ให้ความสำคัญกับตำแหน่ง โวลันเต้ ในแต่ละทีมที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก จะมีกองกลางตัวรับเป็ตตัวเด่น ไม่ว่าจะเป็น กิลแบร์โต้, ดุงก้า หรือ โดลโดนัลโด้ เพลย์เมกเกอร์ก็ตกอยู่ภายใต้คามกดดันในการโชว์ฟอร์มและพาทีมคว้าชัยชนะ ฟุตบอลที่นุ่มนวลและเขียวชอุ่มที่บราซิลเป็นที่รู้จัก และไม่มีใครเลียนแบบพวกเขาได้ เนย์มาร์พยายามทำตามบทบาทในช่วงเวลาหนึ่ง พวกเขาไม่สามารถพานักเตะคนคนนี้เข้าไปอยู่ระดับเดียวกับ ลิโอเนล เมสซี หรือ คริสเตียโน โรนัลโด้ได้
เนย์มาร์ยังตามระดับของเมสซี และ โรนัลโด้ อยู่ไกล นั่นคือสิ่งสำคัญ
พูดมาสิว่าคุณจะทำอะไรกับเขาได้บ้าง แต่เนย์มาร์ เป็นผู้เล่นในทีมที่เพื่อนต่างรักเขาเป็นส่วนใหญ่ มันเป็นฟันเฟืองตัวหนึ่งในการเอาชนะเม็กซิโก หลังเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนไหว และนำไปสู่ประตูที่ 6 ของเขาในฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ขาดอีกแค่ 38 ปโอกาสเท่านั้นที่เขาต้องการ ในขณะที่ เมสซี ต้องการ 67 ครั้ง และ โรนัลโด้ ต้องการอีก 74 เขายังสร้างโอกาสในการทำประตูได้มากที่สุดถึง 16 ครั้ง โดยเขาเป็นเหมือนจอมทัพ กระนั้นการแสดงตลกของเขา ได้ลบล้างสิ่งเหล่านี้ออกไป ในสายตาของคนทั่วไปและสื่อมวลชน เขาเหมือนตัวตลก หรือคนร้าย ที่ทำให้เรื่องนี้ดูใหญ่กว่าฟุตบอลโลก และเวลามีใครพูดถึง เนย์มาร์ จูเนียน์ ทุกคนก็จะคิดถึงแต่เรื่องนี้อย่างง่ายได้
ไม่มีคำถามต่อเนื่องหลังจากนั้น ไม่มีคำถามที่ต้องมานั่งกังวล เขาคือนักฟุตบอลลำดับ 3 ของโ,ก นี่คือเด็กอายุ 26 ปี ที่เหมือนจะเป็นความภูมิใจของใครหลายคน และคนเหล่านั้นก็เหมือนเป็นพวกปีเตอร์แพน ซินโดรม บางทีมันอาจจะเป็นเพราะค่าตัว 222 ล้านยูโร ของเขา ในการย้ายไปเปแอสเช ที่กลายเป็นนักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลก แต่สถิตินี้คนไม่ค่อยพูดถึงบ่อย เช่นเดียวกับการที่เขาอัดคนอื่นจนโดนไล่ออกไปถึง 23 ครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่านักเตะคนอื่นๆ แม้แต่ คริสเตียโน และ เมสซี ยังไม่โดนขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงการกลิ้งไปมา แต่ถึงแม้จะไม่มีแรงกดดัน จากสิ่งที่เขาเป็นตัวแทนของประเทศที่คลั่งไคล่ในฟุตบอลมากที่สุด เขาก็ตกเป็นเป้าหมายในสนามเสมอ หลังจากรอมานานกว่า 12 ปี กับโอกาสในการประสบความสำเร็จในนานาชาติ บางทีเขาอาจจะต้องลบตัวตนของตัวเองออกไป
