แม้ผู้จัดการทีมจะเปลี่ยนไปตามยุคสมัย หรือนักเตะที่ต้องเดินเข้าเดินออก รวมถึง เจ้าของทีมที่มีการเปลี่ยน ยกตัวอย่าง อินเตอร์ ที่เปรียบเหมือนคนบ้า ที่พร้อมจะเอาชนะได้อย่างยอดเยี่ยม และรู้สึกผิดหวังสุดๆ เมื่อทีมพ่ายแพ้
ขณะที่โรมา มักจะมีปัญหาอยู่เสมอรอบๆตัวเขา ขณะที่ ลาซิโอ ก็เปรียบเหมือนเพื่อนบ้าน ที่ตกอยู่ใต้ร่มเงาของทีมร่วมเมือง ไปตลอด
ขณะที่ยูเวนตุส ก็พร้อมจะคว้าผลลัพธ์เหนือสิ่งอื่นใด โดยสัญลักษณ์๘องพวกขเาก็คือชัยชนะ ในขณะที่สโมสรอย่าง อตาลันต้า ก็เหมือนกับพวกเทพเจ้าสายลม ที่รวดเร็วรุนแรง
ความพ่ายแพ้ของอินเตอร์ 1-2 ต่อโบโลญญา ที่เหลือผู้เล่นน้อยกว่า ทำให้พวกเขาถูกตั้งคำถามถึงทัศนคติในการเอาชนะ ในแบบฉบับของยูเวนตุส
อันโตนิโอ คอนเต้ ไม่สามารถเปลี่ยนวัฒนธรรมของสโมสรได้ พวกเขาขึ้นๆลง เหมือนกับสีเสื้อของพวกเขาอย่างน้ำเงินดำ ซึ่งไม่มีตรงกลางอย่างสีเทามาคั่น
ขณะที่โรมา สีของพวกเขาคือไฟสีแดงและสีเหลือง ที่เหมือนกับเมืองของพวกเขาจะลุกเป็นไฟตลอด ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ใครก็ตามที่เขามา ต่างก็โดนเผาไหม้ ว่าจะเป็นโค้ช, นักเตะ รวมถึงประธานสโมสร ที่ไม่มีใครอยู่นิ่งได้เลย มิฉะนั้น อาจจะโดนไฟเผาจนวอดวาย
ความคิดก็มาก็คือ กองหลังต้องมี 4 คน ตามด้วยกองกลาง 3 คน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องพึ่งพา เอดิน เซโก้ ที่เป็นเหมือนก็อกน้ำที่คอยดับไฟเหล่านั้น ถ้ากองหน้าชาวบอสเนีย ทำประตูไม่ได้ ที่เหลือก็ไม่ต่างอะไรจากไม่หลักปักขี้เลน
ลาซิโอ ที่สีขาวกับสีเทา มันก็เหมือนท้องฟ้าเหรือกรุงโรม ซึ่งแฟนๆของพวกเขา ส่วนใหญ่มาจากนอกเมืองตามชื่อฉายา เบียงโคเชเลสเต้ ขณะที่ จัลโลรอสซี ที่อยู่ใจกลางเมือง มันก็สะท้อนให้เห็นถึงวิธีการของพวกเขาในการทำฟุตบอล นับตั้งแต่ แซร์โจ้ แคร็กน็อตติ ไปทีมประสบความสำเร็จในอิตาลี และ ยุโรป เขาก็ได้ เคลาดิโอ โลติโต้ เข้ามาช่วยให้ทีมรอดพ้นจากการล้มละลาย แต่เขาเองก็มีความต้องการสูงที่จะคว้าแชมป์มาครองให้ได้ โดยพวกเขาต้องอาศัย ซิโมเน่ อินซากี้ เป็นตัวแปรในการพาทีม
มันจะประสบความสำเร็จได้ หากฤดูกาลนี้ดำเนินการแข่งขันตามปกติ โดยที่ทีมระดับท็อปทีมอื่นๆ ต้องพะวงกับฟุตบอลยุโรป และโคปปา อิตาเลีย ชนิดที่ต้องเตะสัปดาห์ละ 2 เกม โดยตัวลาซิโอ สามารถโฟกัสไปที่เซเรีย อา อย่างเดียว แต่มันกลายเป็นปัญหา เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไป
ยูเวนตุสของ เมาริซิโอ ซาร์รี มีปัญหาที่ไม่ชัดเจน พวกเขาพยายามเพิ่มจินตนาการ และความตื่นเต้นลงไป และนี่แหละคือสีขาว-ดำของสโมสร ไม่ต้องสวยงาม แต่นี่แหละคือม้าลาย เรียบง่ายไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร โค้ชและนักเตะก็ไม่เปลี่ยนแปลง ยูเว่จะเป็นอย่างไร แต่พวกเขาก็แข็งแกร่ง นักเตะหรือโค้ชเปลี่ยนแปลงสโมสรไมได้ แต่สโมสรเปลี่ยนแปลงโค้ชและนักเตะได้เสมอ เบียงโคเนรี จึงเหมือนอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่ ที่พร้อมจะเดินหน้า และเตรียมตัวให้พร้อม หลายครั้งมันอาจจะดูน่าเบื่อ แต่แฟนยูเว่ ต้องการเห็นความทุ่มเท และนี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการ
การเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง มีนักเตะทีด่ีที่สุดในทีม ดึงตัวนักเตะของคู่แข่งมาเสริม เพื่อทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น และคู่ต่อสู้อ่อนแอลง ซาร์รี กำลังพาทีมคว้าสคูเด็ตโต้ แม้เขาจะโดนวิจารณ์จากทั่วสารทิศ และอาจจะต้องถูกปลดในช่วงซัมเมอร์นี้
เปาโล ดิบาล่า มีส่วนร่วมกับทีมมากขึ้น ได้เน้นเกมบุกมากกว่าป้องกัน จนทำให้เขามีอิสระ ซาร์รีก็ต้องการทำให้เขากลายเป็นอัญมณีท่ามกลางสปอตไลต์ที่สาดส่อง แม้มันจะดูไม่สว่างมาก แต่มันก็ดูหรูหรา
ขณะที่อตาลันต้า สัญลักษณ์ของพวกเขา คือเทพธิดา ลาเดีย ที่มีขนและลอยไปตามสายลม เพราะเธอต้องวิ่งตามรอยเท้าของคู่ต่อสู้ และเฟ้นหา ผู้ชายที่เธอต้องการจะแต่งงาน แต่ก็ยังรักในอิสระ จานปิเอโร กาสเปรินี รู้เรื่องนี้ดี และแนวทางของทีมก็ตือการวิ่ง และ 2 เกมหลังสุดพวกเขาก็ไม่เสียประตูเลย และยิงได้ 1 หรือ 2 ประตูเท่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วเสือดาวอาจจะเปลี่ยนสี หรือพยายามทำอะไรใหม่ๆ แม้ในขณะที่ยูเว่ พยายามเลียนแบบอตาลันต้ามากขึ้น และ ม้าลาย กำลังเรียนรู้ จะโบกไสวให้เหมือนกับเทพธิดา ลาเดีย