แน่นอนว่าเขาอาจจะตามหลังจ่าฝูงไม่ไกลนัก แต่ปัจจุบัน บาเยิร์น มิวนิค นำโด่งเป็นจ่าฝูง ทิ้งห่างพวกเขาถึง 7 คะแนน โดยการแข่งขันนั้น จะจบลงในอีก 2 สัปดาห์ แต่ภาพของทีมแชมป์ กับ รองแชมป์ นั้นก็เริ่มชัดเจนขึ้น
ดอร์ทมุนด์ ยังมีแต้มตามหลัง แม้พวกเขาจะมีพัฒนาการอย่างมาก โดยเฉพาะแกนหลักของทีม ที่ดีขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ด้วยการที่ บาเยิร์น มักจะเสาะหาผู้เล่นที่ดีที่สุดมาเสริมทัพเสมอ ทำให้ ฮันส์ โยอาคิม วัทซ์เค ซีอีโอ ของดอร์ทมุนด์ ได้โฟกัสไปที่การเสริมพลังทางด้านการเงิน เพื่อทำให้พวกเขาไม่ต้องถูกบีบให้ปล่อยนักเตะ
มิคาเอล ซอร์ค ผู้อำนวยการกีฬาของดอร์ทมุนด์ เองก็ทำได้สำเร็จ ในการเจาะตลาดเงินทุนต่างๆ
แต่ก็อย่างที่เห็น เมื่อฤดูกาลก่อน แม้พวกเขาจะมีดาวรุ่งมากพรสวรรค์มากมาย แต่ด้วยการขาดประสบการณ์ เมื่อฤดูกาลก่อน แม้พวกเขาจะทิ้งห่างทีมอื่น ถึง 9 คะแนน หลังบรรดานักเตะที่ทุ่มทุนสร้างอย่าง ยูเลียน บรันด์ท และ ธอร์ก็อง อาซาร์ ซึ่งทำให้พวกเขาหมดเงินไปกว่า 150 ล้านยูโร (170 ล้านดอลลาร์) ที่แสดงให้เห็นถึงคุณภาพในบุนเดสลีกา และได้นักเตะที่มีประสบการณ์มากมายในเวทีระดับนานาชาติมาเสริมทีม อย่าง มัตส์ ฮุมเมลส์ และ เอมเร่ ชาน
นอกจากนี้ ยังปาดหน้าหลายทีมดังในยุโรป คว้าตัว เออร์ลิง ฮาแลนด์ มาร่วมทัพในช่วเงดือนมกราคม มันดูเหมือนว่า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นั้นพร้อมที่คว้าแชมป์ลีกมาครอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ บาเยิร์น มิวนิค ทำผลงานในเลกแรกได้ไม่ดี และมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชเกิดขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม การทำแต้มหลุดลอย ในการเสมอกับ แฟรงค์เฟิร์ต, เบรเมน, ไฟร์บวร์ก และ พาเดอร์บอร์น รวมถึง แพ้ทีมอย่าง ยูเนียน เบอร์ลิน และ ฮอฟเฟนไฮม์ ทำให้ทีมของ ฟาฟร์ หลุดจากเส้นทาง
การเข้ามาของ ลูเซียง ฟาฟร์ ในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ ถือว่าน่าสนใจ ต้องย้อนไปในช่วงซัมเมอร์ปี 2018 พวกเขาจ้างจอมแท็คติกชาวสวิส ที่เคยประสบความสำเร็จมากแล้ว ในการคุมทีมอย่าง แฮร์ธา เบอร์ลิน และ โบรุสเซีย มีนเชนกลัดบัค เพื่อยกระดับทีม ต่อจาก ปีเตอร์ บอสซ์ และ ปีเตอร์ สโตเกอร์
กุนซือวัย 62 ปี ถือเป็นโค้ชในอุดมคติ ที่เราจะปฏิเสธไม่ได้ในหลายๆด้าน เพื่อให้ได้ทีมพลังหนุ่มที่ดีที่สุด โค้ชที่ได้ชื่อว่าเป็นจอมเพอร์เฟคชันนิสส์ ได้ปรับจูนทุกอย่างให้ลงตัวที่สุด ทั้งการจับ บรันด์ท ให้อยู่ในเส้นทาง และ ชาน ที่เข้ามาและทำประตูชัย ในเกมล่าสุดกับ แฮร์ธา จนเขาต้องยกนิ้วให้กับคุณภาพของมัน
แต่ตอนนี้ ถือเป็นปีที่ 2 ของฟาฟร์ แล้วในการคุมโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งถือว่าพวกเขาพลาดโอกาสทอง ในการหยุดความสำเร็จของบาเยิร์น ไม่ว่าจะเป็นการกดดันจ่าฝูง การทำแต้มตกหล่นแบบง่ายๆ จนทีมถูกตั้งข้อสงสัยว่าพวกเขาต้องการอะไร
และหลายครั้งบทสัมภาษณ์ของ ฟาฟร์ ตลอด 18 เดือน มักจะทำให้นักข่าวผิดหวังเสมอ ยามที่เขาเข้าห้องแถลงข่าว อย่างสัปดาห์ก่อนที่พวกเขาพ่ายต่อ บาเยิร์น ฟาฟร์ ก็ถูกถามว่า “เขาสามารถคว้าแชมป์ลีก กับดอร์ทมุนด์ได้หรือไม่?” คำตอบของเขา คือ ไม่มีความคิดเห็นเรื่องนี้ และจะพูดเรื่องในอีกไม่กี่สัปดาห์
วัทซ์เค อาจจะออกมายืนยันอย่างรวดเร็วว่ามันเป็นการสื่อสารที่ผิดพลาด เพราะฟาฟร์ นั้นอาจจะพูดภาษาฝรั่งเศส แต่ไม่มีทางหรอกที่ ฟาฟร์ จะสื่อสารไม่ได้ เพราะเขามีประสบการณ์มากมาย และเคยทำงานในเยอรมัน และน่าจะพูดภาษาเยอรมันได้
ตอนนี้ ฟาฟร์ เหลือสัญญากับดอร์ทมุนด์ อีกแค่ปีเดียว แต่มันก็เป็นเครื่องหมายคำถามว่า เขาจะยกระดับดอร์ทมุนด์ ได้หรือไม่ และจะหยุดความสำเร็จของบาเยิร์น ได้หรือไม่ ในการคุมเสือเหลืองตัวนี้
บทความโดย แมตต์ ฟอร์ด, Deutsche Welle