อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ เตบาส ก็พยายามโต้ว่าการที่ เรอัล มาดริด ปล่อย คริสเตียโน โรนัลโด้ ให้กับ ยูเวนตุส ไม่ได้ลดความนิยมของฟุตบอลสเปน แต่การเสีย เมสซี ไปอีกคน จะเพิ่มความกังวลอีกเท่าตัว
“การย้ายทีมของคริสเตียโน แม้จะส่งผลต่อ มาดริด แต่ก็แทบไม่มีผลกระทบใดๆ เพราะ ลาลีกา ใช้เวลาหลาบปีในการสร้างแบรนด์ขึ้นมา ให้สำคัญกว่านักเตะ” เขากล่าวกับ RAC1 เมื่อเดือนมิถุนายน “แต่กรณีของ เมสซี นั้นแตกต่างกัน”
“เมสซีเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเกมฟุตบอล เราโชคดีที่มีเขาตลอดช่วงที่ผ่านมา ในลาลีกา ผมคิดว่าคุณสังเกตได้เลย ถ้าเมสซี ย้ายทีม โดยเฉพาะถ้าเขาย้ายไปค้าแข้งกับ ลีก อื่น”
ดังนั้นการที่ ดาวเตะชาวอาร์เจนไตน์ จะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของ เตบาส เพรานั่นหมายความว่า พวกเขาจะไม่มีดาวยิงระดับ ท็อป 10 ในประเทศสเปนเลยในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะลิสต์รายชื่อนักเตะลุ้นบัลลงดอร์ ปีที่ผ่านมา
และถ้าการย้ายออกของเมสซี จะเป็นการทำลายสิ่งที่ลีก พัฒนามาตลอด แน่นอนว่ามันมีผลต่อบาร์เซโลนาโดยตรง และอาจจะส่งผลต่อการเป็นแบรนด์ระดับโลก
โดยปกติแล้ว อาซูลกรานา ภูมิใจที่พวกเขาเป็นมากกว่าสโมสร แต่นั่นก็ทำให้เกิดคำถามว่า มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ไม่เพียงแค่เมสซี เพียงคนเดียว และกับการกระทำของ โฆเซป มาเรีย บาร์โตมิว กับ บาร์เซโลนา ในช่วงที่ผ่านมา
ความไม่พอใจกับหัวหอกตัวเก่ง เกิดจากการไร้ความสามารถของประธานสโมสร ในการหาผู้เล่นที่อยู่รอบตัวเขา และมีคุณภาพ มากเพียงพอที่จะคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก
สิ่งที่แฟนๆหลายคนก็กังวลไม่แพ้กัน ก็คือ วิธีการที่ชื่อของสโมสร โดยตำหนิอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ บาร์โตมิว เข้ามารับช่วงต่อจาก ซานโดร โรเซลล์ ผู้เป็นฮีโร่ และคนสนิทของเขา
เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมา มีเรื่องอื้อฉาวออกมาตลอดทศวรรษ นับตั้งแต่การย้ายออกไปจากบาร์ซาของ เนย์มาร์ ท่ามกลางคดี บาร์ซา เกต
ยิ่งไปกว่านั้นในขณะที่ อาซูลกรานา ที่เคยปฏิเสธที่จะรับสปอนเซอร์บนอกเสื้อมาตลอด แต่ตอนนี้พวกเขากำลังหาทางร่วมมือ และทำข้อตกลงทางการค้า กับ แบรนด์ที่ถูกกล่าวหาว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับ การละเมิดสิทธิมนุษยชน และ ใช้แรงงานเด็กในเอเชีย
ในขณะเดียวกัน แฟนบอลหลายคนต่างโกรธสโมสร ที่ไม่ยอมยืนเคียงข้างพวกเขา ในการลงประชามติเพื่อแยกความเอกราชของกาตาลัน ในปี 2017
โดยพื้นฐานแล้ว พวกเขามีสิทธิ์มีเสียงมากพอที่จะต่อสู้เพื่ออิสรภาพของรัฐ และไม่ยอมเป็นทาสของธุรกิจขนาดใหญ่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการซื้อตัวในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ในการยื่นอาตูร์ แลกกับ มิราเลม ปานิช เพื่อสร้างความสมดุลในบัญชีการเงินเท่านั้น
ความสัมพันธ์ที่แย่ลงกับ เมสซี ทำให้เกิดความหวาดระแวงในด้านเศรษฐกิจ ภายในทีมบาร์ซา เพราะการต้องเสียนักเตะที่ดีที่สุดในโลก จะต้องส่งผลต่อธุรกิจ และมันอาจจะกลายเป็นหายนะ จากการสูญเสียนักเตะรายนี้
การโละเมสซี ออกไป จะทำให้ บัญชีทางการเงินของบาร์ซา ลดตัวแดง ลงอย่างแน่นอน แต่มันก็จะไม่มีเงินทุน ในการปรับโครงสร้างของทีม ที่ตอนนี้มีบรรดาคนแก่ๆ อยู่ในทีมเต็มไปหมด และขาดซึ่งความสมดุล
เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 6 สมัย พยายามหาทางออกที่ดีที่สุด บางทีอาจจะเป็นเพราะ แมนฯซิตี้ นั้นพร้อมให้นักเตะและเงินจำนวนหนึ่งแก่บาร์ซา ตามรายงานจากประเทศอาร์เจนตินา
แต่ บาร์โตมิว ยืนกรานว่า เงื่อนไขการซื้อนักเตะยังคงเหมือนเดิม และล่าสุด แม้แต่อดีตประธานสโมสรอย่าง โจน กาสปาร์ต ยังกล่าวกับ Marca ว่า “เขาไม่สามารถย้ายออกไปได้ ผมได้เห็นสัญญาแล้ว มันชัดเจนมาก เงื่อนไขดังกล่าวมันจบลงไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน และมันไม่สามารถกลับไปได้ และเขาจะย้ายออกไปในปี 2021”
แต่ บาร์ซา ของ บาร์โตมิว ตอนนี้ ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ทั้งหมดได้เลย อย่างชัดเจน และ เมสซี ก็มีแนวโน้มที่จะเลือกอยู่นิ่งๆ จนไม่รู้ว่สสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้จะจบลงอย่างไร
เราอยู่ในยุคที่นักเตะมีอำนาจมากที่สุด และไม่มีผู้เล่นคนไหนมีอิทธิพลต่อสโมสรมากไปกว่า ลิโอเนล เมสซี
เขาอาจจะเป็นคนหนึ่งที่แทบจะไม่ถูกวิจารณ์เลย และเขาเริ่มรู้สึกโกรธมากขึ้น หลังจากที่ บาร์ซา ดร็อปลงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะการเสียเนย์มาร์ ออกไปแบบสุดช็อคในปี 2017 และยังไม่มีการปฏิเสธว่าตอนนี้ อิทธิพลของ กัปตันทีม ได้ขยายไปใหญ่กว่า ห้องแต่งตัวที่คัมป์ นู
ในตอนแรกตัวเลือกที่จะย้ายออกจากทีมไปนั้น ไม่มีการเปิดเผยออกมา และสุดท้ายทุกอย่างก็แดงออกมาหมด ว่าบาร์ซา พยายามกุมความได้เปรียบอยู่มือของพวกเขา
ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ปกติของโลกใบนี้ แต่บาร์โตมิว รู้สึกว่าเขาไม่มีทางเลือกอื่นๆ นอกจากจะต้องทำตามความต้องการของเขา แน่นอนว่าไม่มีใครอยากเป็นคนที่ปล่อยเมสซี ออกไปจากแคว้นกาตาลุนญา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นึ่งจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบาร์โตมิว จึงทำทุกวิถีทาง เพื่อให้เรื่องนี้ดูเหมือนเป็นความผิดของเมสซี ทั้งที่ ประธานสโมสรต้องรับผิดชอบ ต่อสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น
การจัดการที่ผิดพลาดของสโมสร ไม่เพียงแต่ทำให้เมสซี ผิดหวัง แต่แฟนๆของทีมทุกคน ตอนนี้บาร์ซา เสี่ยงต่อการเสียฐานแฟนในมือจำนวนมาก
มีสำนวนหนึ่งเกี่ยวกับฟุตบอล ที่ว่า “ไม่มีผู้เล่นคนไหนที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าสโมสร” มันเป็นรากฐานมาจากบยุคสมัยก่อน ยุคใหม่ทุกอย่างแตกต่างกันมาก ดั่งที่ ทิม บริดจ์ ผู้เขียน เดลอยท์ ฟุตบอล มันนี ลัก บอกกับ Goal ว่า “ปัจจุบันแฟนบอลจำนวนมากติดตามนักเตะมากกว่าสโมสร”
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสไตล์การเล่น หรือ เรื่องของภาพลักษณ์”
และเมสซี สิ่งที่กล่าวไม่ใช่เรื่องเกินจริง นี่คือหนึ่งในนักเตะที่มีคนรักมากที่สุดในโลก เฉพาะอินสตาแกรมอย่างเดียว มีคนติดตามเขามากขึ้น 166 ล้านคน มากกว่า บียอนเซ่, จัสติน บีเบอร์, เทย์เลอน์ สวิฟต์ และที่สำคัญมากกว่า บาร์เซโลนา ที่มียอดผู้ติดตาม 89.3 ล้านคน
การแสดงออกทางโซเชียล มีเดีย เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดค่าตัวของนักเตะ แน่นอนว่า ด้วยเครื่องหมายการค้าที่ยิ่งใหญ่ของโรนัลโด้ มันอธิบายได้ว่า ทำไมยูเว่ ถึงต้องยอมจ่ายเงิน 100 ล้านยูโณ สำหรับตัวรุกวัย 33 ปี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า บาร์เซโลนา ที่ไม่มีเมสซี จะลดความน่าสนใจสำหรับสปอนเซอร์ และแฟนบอลขาจรลดลง (แฟนๆต่างเดินทางมาจากทั่วโลก เพื่อดูเขาเล่นที่คัมป์ นู)
แน่นอนว่าการสร้างอาซูลกรานาขึ้นมาใหม่ ให้ประสบความสำเร็จ พวกเขายังคงเป็นทีมใหญ่ในวงการฟุตบอล แต่เป็นเรื่องยากที่จะเห็นพวกเขากลับไปสู่เส้นทางการประสบความสำเร็จ โดยไม่มีเครื่องรางของขลัง อย่างน้อยก็ในระยะสั้น
เมสซี เป็นนักเตะที่ทำประตูสูงที่สุดตลอดกาลของ บาร์ซา นับตั้งแต่เปิดตัวในฤดูกาล 2008/09
อาซูลกรานา คว้าแชมป์มาครอง 94 รายการ ตลอดประวัติศาสตร์ 120 ปี ของสโฒสร โดยหนึ่งในสาม (33) มันเริมต้นมาจาก เมสซี ที่ขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญาตั้งแต่อายุ 16 ปี
ฮาเวียร์ มาสเคราโน เคยเตือน บาร์ซา เมื่อปี 2017 ว่าพวกเขาจะเผชิญหน้ากับปัญหาครั้งใหญ่ หากเมสซี ย้ายออกจากทีมไป
“ลีโอเป็นนักเตะที่ใจดีคนหนึ่ง” กองกลางกล่าวกับ นิตยสารอย่างเป็นทางการของสโมสร “เรากำลังพูดถึงผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาลของสโมสรนี้ และสำหรับกีฬาในประวัติศาสตร์”
“ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีตัวหลักหลายคนย้ายออกจากบาร์ซา คนที่ยังอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่ทีมต้องเดินหน้าต่อไป ต้องประสบความสำเร็จ”
“สโมสรใหญ่กว่าผู้จัดการทีมทุกคน ใหญ่กว่านักเตะทุกคน แต่ยกเว้น ลีโอ นั่นคือความจริงและคุณต้องยอมรับสิ่งนั้น”
บาร์เซโลนา ไม่ยอมแน่นอน แต่นี่ไม่ได้หมายความมันไม่เป็นจริง ไม่อย่างนั้นภาพตอนนี้คงไม่ได้ออกมาเป็นแบบนี้
