มันคือความจริงว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดทีมจาก โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถือเป็นทีมแม่เหล็ก ในการสร้างข่าวลือมากมาย เกี่ยวกับการซื้อขายนักเตะ และพวกเขาก็เต็มใจที่จะกระโดดเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะ เอ็ด วูดเวิร์ด ที่ตอนนี้กลายเป็นเป้าหมายของนักเตะทุกคน
แท็คติกการซื้อขาย
เมื่อเร็วๆ นี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ปรับแท็คติกการเสริมทัพ และพวกเขาก็สามารถคว้าตัว ดาเนียล เจมส์, แฮร์รี แมคไกวร์ และ อารอน วาน บิสซาก้า เมื่อซัมเมอร์ก่อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าพวกเขาพยายามมองหา ดาวรุ่งที่มีความกระหาย และอยู่ในโควต้า โฮม โกรว์น มันเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะวางมือจากอ่างทองคำ พวกเขาให้ความสำคัญในเรื่องนี้อย่างมาก
แต่ในการซื้อขายอย่างนี้ มันคือสัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะมองหาแนวทางใหม่ๆ ในการมองหาดาวรุ่ง เพราะมันพิสูจน์แล้วว่า มันสำคัญต่อสโมสรเป็นอย่างมาก และ แมนฯยู จำเป็นต้องเปลี่ยนแนวทางใหม่
ยกตัวอย่าง มาร์ค ฆูราโด้ เชื่อว่า กำลังจะย้ายไป โอลด์ แทร็ฟฟอรืด โดยมีรายงานว่า แบ็คขวาวัย 16 ปี รายนี้ ใกล้จะย้ายจากบาร์เซโลนา ไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ข่าวนี้เกิดขึ้นเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่พวกเขาเพิ่งทำข้อตกลงกับ ซันเดอร์แลนด์ ในการคว้า โจ ฮูกิลล์ นักเตะวัย 16 ปี ซึ่งเป็นศูนย์หน้าดาวรุ่งที่น่าจับตามอง และเคยตกเป็นเป้าหมายของอาร์เซนอล และ สเปอร์ส ซึ่งเจ้าตัวมีความชัดเจนว่าอยากเล่นให้กับทีมในพรีเมียร์ลีก มากกว่า
แมนยู มุ่งมั่นอย่างมาก ที่จะหาซูเปอร์สตาร์ ในอนาคต หลังจากที่ล่าสุดพวกเขาเพิ่งจ่ายเงิน 10 ล้านยูโร ให้โมนาโก เพื่อแลกกับ ฮันนิบาล เมจบรี โดยนักเตะรายนี้มีความแตกต่างจากกองกลางหลายรายในทีมชุดใหญ่ และทำผลงานกับทีมรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ได้น่าประทับใจ อีกไม่นาน เมจบรี น่าจะได้โอกาส ก้าวขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่
นั่นเกิดก่อนที่จะมีข่าวลือหนาหู กับ ดาวรุ่งจากเบอร์มิงแฮม อย่าง จูด เบลลิงแฮม ที่มีข่าวลือกับ แมนยู โดยตอนแรกนี่คือเป้าหมายหลักที่แมนยู ต้องการคว้าตัวมาเสริมทีม โดยมีรายงานว่าพวกเขาได้ยื่นข้อเสนอ 30 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าเด็ก 16 ปี มาร่วมทีม แต่สุดท้าย ก็เสร็จ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ หลังจากที่ตัวนักเตะได้ลงเล่นแชมเปี้ยนชิพ 32 เกม ในฤดูกาลที่ผ่านมา โดย เบลลิงแฮม ยิงไป 4 ประตู และ ทำอีก 2 แอสซิสต์ อย่าลืมว่าเขาเพิ่งอายุ 16 ปี เท่านั้น และมีค่าเฉลี่ย การเลี้ยงเอาชนะ 1.1 ครั้ง ต่อเกม และ มีโอกาสยิง 1.2 ต่อเกม และสร้างเล่นได้เกือบทุกตำแหน่งในแดนกลาง หรือ จะเล่นตัวบนก็ได้ สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด การเซ็นสัญญาของพวกเขา เปรียบเหมือนการลงทุนเพื่ออนาคต และเป็นการแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเชื่อใจ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาเป็นอย่างมาก
เนื่องจาก ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แมนยู หมดเงินไปกว่า 750 ล้านปอนด์ ในการซื้อขายนักเตะ และที่สำคัญ พวกเขายังทุ่มทุนสร้าง ในการมองหาสุดยอดดาวรุ่งมาเสริมทีมตลอด ทศวรรษ นั่นคือสิ่งที่สโมสรอดทนเพื่อสร้างมันขึ้นมา
มันเป็นสัญญาณว่าในขณะที่ วูดเวิร์ด ยังคงลังเลเรื่องการแต่งตั้งผู้อำนวยการฟุตบอลที่สโมสร จะมอบหมายหน้าที่ให้เขาทำงานอย่างชัดเจน และเป็นการปรับโครงสร้างและอุดมการณ์ เพราะนี่คือตำแหน่งที่แมนยูไม่เคยมีมาเลยในช่วงที่ผ่านมา
โดย 18 เดือนที่ผ่านมา ปีศาจแดง ได้เสริมทัพแมวมองเข้ามา และมีหลายสิ่งที่เกิดขึ้น และสิ่งนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาพร้อมให้โอกาสดาวรุ่ง และอีกไม่นานเชื่อว่า ผลจะผลิดอกออกมา ทั้ง ฆูราโด้, ฮูกิลล์, เมจบรี นี่คือความสมดุลที่จะต้องปรับของโซลชา เพราะเขาจำเป็นต้องนำสโมสรให้เดินไปในเส้นทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะบรรดาดาวรุ่งรุ่นต่อไปจะต้องสามารถก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ พวกเขาต้องควบคุมพรสวรรค์ของเยาวชนที่มีอยู่แล้ว อย่าง เมสัน กรีนวูด ที่ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมในฤดูกาลที่ผ่านมา หลังได้เล่นในพรีเมียร์ลีกไปถึง 22 นัด เช่นเดียวกับ แบรนดอน วิลเลียมส์ ที่จะต้องพยายามรักษาฟอร์มในตำแหน่งแบ็คซ้าย แต่ถึงแม้ว่าสองคนนี้จะไปไม่สุด แต่ก็ยังมีสัญญาผูกมัด ไปถึงปี 2022 นอกจากนี้ ยังมี ทาฮิธ ชอง ที่ยังต้องการโอกาส
เช่นเดียวกับ อังเกล โกเมส ยังต้องพยายามเพื่ออยู่ในสายตาของโซลชา หลังได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปแค่สองนัดในฤดูกาลที่ผ่านมา และดูเหมือนว่า จอมทัพดาวรุ่ง จะได้รับสัญญาระยะยาว แม้เชลซี จะสนใจ อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี
อย่างไรก็ตามความมุ่งมั่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในการต่อยอดดาวรุ่ง และเป็นการสร้างบางสิ่งในอนาคต ดูเหมือนจะเป็นของแท้ ไม่ว่าจะ ฆูราโด้, ฮูกิลล์ และ เมจบรี หรือ ชอง และ โกเมส หรือทั้งหมด สภาพแวดล้อมดังกล่าวถือว่าน่าสนใจมากสำหรับ แมนยูในอนาคต แม้ตอนนี้พวกเขาจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่พวกเขากำลังเดินหน้า ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้น
