สำหรับ โชเซ มูรินโญ และ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส มันเป็นเค้าลางที่ไม่ดี เหมือนกับสัญญาณเตือนว่าเครื่องยนต์ของพวกเขาไม่น่าจะไปรอด
ความพ่ายแพ้ดังกล่าวไม่ได้ส่งผลต่อสเปอร์ส ในอนาคต แต่การพ่ายแพ้ในวันนั้น มันก็ทำให้สเปอร์ส มีแต้มตามหลังทีมในโซนท็อปโฟร์ถึง 4 คะแนน และจมปลักอยู่ที่ 9 ของพรีเมียร์ลีก แต่ความจริงมันมีความสำคัญกว่านั้นมาก
มันเป็นเกมที่ทำลายหลักการสำคัญของสเปอร์ส ในการแต่งตั้งมูรินโญ มันได้เห็นรอยแตกที่แพร่กระจาย ทำลายความเชื่อใจสำหรับสเปอร์ส ชุดนี้ที่กำลังพยายามสร้างขึ้น หลังจากแยกทางกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน และเลือก มูรินโญ เข้ามาแทนที่
โปเช็ตติโน ได้ติดตั้งการเล่นฟุตบอลที่สวยงามให้กับสเปอร์ส พร้อมยกระดับทีมขึ้นไปอยู่ท็อปโฟร์ แต่เขาไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์มาครองได้เลย และการเฉียดใกล้ที่สุดก็คือการแพ้ต่อ ลิเวอร์พูล ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2019
การเลือกมูรินโญ เข้ามา เพราะเขาคือผู้จัดการทีม ที่ไม่ว่าจะไปที่ไหน ก็ได้แชมป์ทุกที่ แม้สุดท้ายตอนจบอาจจะไม่สวยงามก็ตาม
เขาทำสิ่งสำคัญที่สุดก็คือ ความสำเร็จ ที่วัดได้ชัดเจน ไม่ใช่แค่คำชื่นชม หรือปรัชญาสวยหรู นี่คือแนวทางของมูรินโญ โค้ชที่ปล่อยให้คนอื่นพูดเรื่องสไตล์การเล่น การคิดอะไรใหม่ๆ หรือวัฒนธรรม แต่เขาโฟกัสที่การคว้าแชมป์บอลถ้วย และ บอลลีก
นี่คือสิ่งที่แฟนบอลท็อตแนม ต้องการ แฟนส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็มีการยอมรับโดยอ้อมว่า บางทีอาจจะต้องยอมทิ้งอุดมการณ์ที่จะเน้นฟุตบอลที่สวยงามลงไป
ปัญหาก็คือในขณะที่ มูรินโญ พาสเปอร์ส เข้ารอบชิงชนะเลิศบอลถ้วยได้สำเร็จ ในการคุมทีมครบปีของเขาในฐานะผู้จัดการทีม และสามารถพาทีมเข้าไปเล่นยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จในช่วงท้ายฤดูกาลก่อน มีใครมั่นใจไหมว่าเดือนหน้า สเปอร์ส จะคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ได้หรือไม่ เมื่อต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ วิตี้ ในรอบชิงชนะเลิศ
เกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา แมนซิตี้ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเหนือกว่าอย่างชัดเจน ทั้งการรับมือลูกโต้กลับของสเปอร์ส ได้อย่างง่ายดาย มันเลยเป็นงานยากที่ว่า มูรินโญ จะเอาชนะ คู่ปรับเก่าอย่าง เป็ป กวาร์ดิโอลา ได้อย่างไร ทั้งสองคนเคยเจอกันมาแล้วหลายครั้งที่ สเปน ในฐานะผู้จัดการทีมของ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลนา และอีกครั้งที่ แมนซิตี้ กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในแมนเชสเตอร์ แต่กวาร์ดิโอลา คือทีสุดเสมอ
ในช่วงเดือน พฤศจิกายน สเปอร์ส เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ 2-0 ก็จริงแต่ตอนนี้ แมนซิตี้ ได้เปิดโหมดเครื่องจักสังหาร แตกต่างจากตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง นี่คือทีมที่ดูแข็งแกร่งมาก และกลายเป็นทีมเต็งแชมป์แบบโดดเดี่ยว เหนือทุกทีมในประเทศ และอาจจะเดินซ้ำรอยเดิม ด้วยการกวาดแชมป์ในประเทศ อีกครั้ง ทั้งในพรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ เหมือนในปี 2018
ถ้าพวกเขาทำแบบนั้น มูรินโญ จะทำอย่างไร เขาอะไรสำเร็จบ้างถ้าเขาไม่ได้แชมป์ และเขาจะทำอย่างไรให้ทีมชุดนี้เดินหน้าต่อ
เมื่อพูดถึงการทำให้ทีมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สร้างแรงบันดาลใจ แต่เขาเป็นคนชอบเหน็บ พูดจา แบบขวานผ่าซาก และทำให้เขามีเวลค่อนข้างจำกัดในการคุมทีม ดังนั้นหากเขาแพ้ในนัดชิงชนะเลิศ อีก ทุกอย่างมันอาจจะหมดไป แฟนบอลอาจจะหมดความเชื่อมั่น ขับไล่ผู้จัดการทีมของพวกเขา และอาจจะรวมถึงนักเตะด้วย สเปอร์สตอนนี้ ไม่ได้ดูดีพอที่จะเป็นท็อปโฟร์เลย ในการแข่งขัน 6 นัดหลังสุดพวกเขาแพ้ไปถึง 5 นัด ทุกอย่างมันเร็วมาก ความั่นใจตอนนี้ละลายเหมือนหิมะที่กลายเป็นน้ำ ไหลลงสู่ท่อน้ำ
พวกเขายังมีอีกรายการที่จะแก้ตัว ก็คือ ยูโรป้า ลีก และมันอาจจะดูก้าวหน้ากว่าเดิม มันเป็นตัวกำหนดเขาในฐานะผู้จัดการทีม นั่นคือเหตุผลที่เราต้องเคารพ และเชื่อมั่นในคอนเซปต์ของมูรินโญ เพราะสถิติของเขา บอกเสมอ แทนที่จะเป็นแชมป์ลีก เขารู้ว่าสเปอร์ส มีศักยภาพในบอลถ้วยมากกว่า แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง นั่นคือสิ่งที่เขาถูกนำมาเพื่อเสกสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา คงไม่มีใครยอดทน หากพวกเขาต้องเจอกับความล้มเหลว
ในค่ำคืนวันเสาร์ ภาพของสเปอร์สที่ออกมา ที่เอติฮัด สเตเดียม มันน่าละอายมาก มันเป็นภาพที่ ดาวินซอน ซานเชซ สะดุดยอดหญ้า เพราะขาพันกัน และล้มลงไป ก่อนสุดท้าย อิลกาย กุนโดกัน จะกดประตูที่สามให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มันอาจจะเป็นภาพที่หลอกหลอนสเปอร์ส และมันส่งต่อไปถึงมูรินโญ
ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แมนซิตี้ ทำให้เขาอับอายอีกครั้ง ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นอีกครั้งที่เวมบลีย์ มันไม่ใช่การต่อยหน้า แต่มันคือการเอามีดแทงเข้าไปในหัวใจของ มูรินโญ ในทุกสิ่งที่เขาต้องรับมือ