“โบอาส” ผู้แบกมาร์กเซยลุ้นคืนสู่ความยิ่งใหญ่

ทำให้ โอลิมปิก มาร์กเซย เตรียมได้กลับไปโชว์ฝีเท้าในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีเลยทีเดียว โดยหนสุดท้ายที่ได้ไปฟาดแข้งในถ้วยใบใหญ่สุดของยุโรปก็คือ ฤดูกาล 2013/2014 แต่ตอนนั้นจอดป้ายเพียงแค่รอบแบ่งกลุ่มเท่านั้น เพราะอยู่ร่วมสายเดียวกับ 3 ทีมแกร่งอย่าง อาร์เซนอล, นาโปลี และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ จึงแพ้รวดทั้ง 6 เกมแบบไม่มีคะแนนติดมือแม้แต่แต้มเดียว แถมยังหมดสภาพอดีตแชมป์ยุโรปหนึ่งสมัยด้วย เพราะอย่าลืม “โอเอ็ม” ยังคงเป็นทีมแรกและทีมเดียวของฝรั่งเศสที่เคยผงาดคว้าแชมป์รายการนี้ได้เมื่อปี 1993 นั่นเอง

จริงๆ แล้ว “โอเอ็ม” จะต้องลงประเดิมสนามในศึกลีก เอิง ฝรั่งเศส ฤดูกาลใหม่ 2020/2021 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยจะได้เปิดถิ่นออเรนจ์ เวโรโดรม รับการมาเยือนของ แซงต์ เอเตียน นั่นเอง แต่มีเหตุให้ต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปก่อน เพราะมีนักเตะติดเชื้อโควิด-19 หลายคนเลย และแอบมีปัญหาเรื่องการเงินเสียด้วย หลังทำผิดกฎการเงิน “ไฟแนนเซียล แฟร์ เพลย์” เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากการทำบัญชีรายรับและรายจ่ายไม่สมดุลกัน จึงโดน สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือ ยูฟ่า สั่งลงโทษปรับเงินจำนวน 3 ล้านยูโร

แต่หลังจากนี้ โอลิมปิก มาร์กเซย น่าจะมีรายได้จากซีซั่นใหม่มากขึ้น เพราะได้สิทธิ์ฟาดแข้งในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งมีเงินรางวัลก้อนใหญ่จากการแข่งขันในรายการนี้รออยู่นั่นเอง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของ โบอาส ด้วยว่าจะสามารถพาทีมพบกับความสำเร็จในช่วงซีซั่นใหม่ได้มากน้อยเพียงใด

นักเตะขอร้องไม่ได้จากไปไหน

ย้อนหลังกลับไปเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงพักเบรกหนีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อยู่แล้ว แต่ตอนนั้นบรรยากาศในทีม “โอเอ็ม” ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก เพราะบอร์ดบริหารของสโมสรมีปัญหาขัดแย้งกัน หลังมีปัญหาเรื่องการทำผิดกฎการเงิน “ไฟแนนเซียล แฟร์ เพลย์” นั่นเอง ทำให้ อันโดนี่ ซูบิซาร์เรต้า อดีตผู้รักษาประตูทีมชาติสเปนช่วงทศวรรษ 90 ตัดสินใจโบกมืออำลาตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาไปเลย และเกือบจะส่งผลต่ออนาคตของ โบอาส เสียด้วย เนื่องจากโค้ชชาวโปรตุกีสมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ ซูบิซาร์เรต้า นั่นเอง จึงเคยแสดงทีท่าว่าพร้อมยืนใบลาออกด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายกุนซือวัย 42 ปีได้เปลี่ยนใจอยู่คุมทีมต่อไป หลังจากที่นักเตะในทีมได้เรียกร้องไม่ให้ย้ายออกไป เพราะยังคงเชื่อมั่นในตัวของ โบอาส นั่นเอง

“มันยากๆ สำหรับผมในการเปลี่ยนคำพูดของตัวเอง หลังจากที่ผมได้เปิดเผยความคิดองตัวเองให้สาธารณะชนได้รับทราบ แต่บรรดานักเตะเป็นกุญแจสำคัญให้ผมเปลี่ยนใจ ผมได้พูดคุยกับผู้เล่นหลายคนผ่านทางโทรศัพท์ตอนช่วงที่เกิดความไม่แน่นอนในเรื่องอนาคตของผม พวกเขาได้พูดโน้มน้าวเพื่อให้ผมเปลี่ยนใจ ผมหวังว่าเราจะได้มาพูดกันว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ดีในช่วงตอนจบฤดูกาล” โบอาส ให้สัมภาษณ์กับ เลกิ๊ป เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา

“ปาเยต” ตัดสินใจอยู่ต่อตามโบอาส

การเปลี่ยนใจอยู่ต่อของ โบอาส ช่วยให้สโมสรไม่เสียนักเตะคนสำคัญอีกหนึ่งรายด้วย นั่นก็คือ ดิมิทรี ปาเยต กองกลางจอมเก๋าชาวฝรั่งเศส เพราะได้ตัดสินใจต่อสัญญาใหม่ออกไปจนถึงปี 2024 แม้ก่อนหน้านี้จะตกเป็นข่าวพร้อมย้ายทีมได้ทุกเมื่อ จึงเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของแฟนบอล “โอเอ็ม” เนื่องจากดาวเตะวัย 33 ปีถือวาเป็นหนึ่งในผู้เล่นขวัญใจกองเชียร์มานานแล้ว หลังจากที่อยู่รับใช้ทีมมาแล้วถึง 2 รอบ โดยรอบแรกคือในช่วงระหว่างปี 2013-2015 ก่อนจะย้ายไปค้าแข้งบนเกาะอังกฤษกับ เวสต์แฮม และกลับมาโชว์ฝีเท้าในถิ่นออเรนจ์ เวโรโดรม ตั้งแต่ปี 2017 จนถึงปัจจุบัน ขณะที่ 2 แข้งหลักอย่าง ฟลอเรียง โตแว็ง กับ สเตฟ ม็องด็องด้า ได้แสงทีท่าว่าพร้อมตัดสินใจอยู่กับทีมต่อไปตาม โบอาส เสียด้วย จึงถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีของ โอลิมปิก มาร์กเซย ในช่วงก่อนเริ่มต้นฤดูกาลใหม่ไปด้วย

“ผมพูดเสมอว่าผมรักสโมสรนี้ ครอบครัวผมเองก็รู้สึกดีกับที่นี่ ผมต้องการเป็นส่วนหนึ่งของสโมสรจริงๆ และช่วยให้มันเติบโต” ปาเยต กล่าว

เสริมทัพในแบบผู้อำนวยการคนใหม่

แฟร้งค์ แม็คคอร์ท มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ซึ่งเป็นเจ้าของทีม “โอเอ็ม” ได้ตัดสินใจเลือก ปาโบล ลองโกเรีย เป็นผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่เพื่อทดแทนการจากไปของ ซูบิซาร์เรต้า ซึ่งเป็นชาวสเปนเหมือนกัน โดยมีหน้าที่หลักคือการสรรหาผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาเสริมทัพด้วย และได้ติดต่อขอยืมตัว เลโอนาร์โด้ บาเลร์ดี้ กองหลังชาวอาร์เจนไตน์มาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เรียบร้อยแล้ว เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องแนวรับจากเมื่อฤดูกาลก่อนที่มีกองหลังผลัดกันได้รับบาดเจ็บ และติดโทษแบนเป็นประจำ จึงต้องให้พวกเด็กปั้นจากทีมเยาวชนขึ้นมาช่วยเล่นให้ชุดใหญ่อยู่บ่อยๆ ด้วย และได้คว้า ปาเป้ เกย์ กองกลางดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสที่โชว์ฟอร์มให้ เลอ อาฟร์ ได้อย่างโดดเด่นเข้ามาเสริมทัพอีกรายด้วย แต่ยังคงพร้อมดึงผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาร่วมทีมเพิ่มเติมตามความต้องการของ โบอาส ซึ่งจะต้องประสานงานร่วมกันต่อไป เพื่ออีกหนึ่งเป้าหมายหลักคือการกลับมาประสบความสำเร็จจากการคว้าแชมป์ให้ได้สักหนึ่งรายการ

ครั้งสุดท้ายที่ โอลิมปิก มาร์กเซย ได้สัมผัสถ้วยแแชมป์คือในปี 2012 จากการเข้าป้ายแชมป์เฟรนซ์ ลีก คัพ ในยุคของกุนซือ ดิดิเยร์ เดสชองส์ เมื่อ 8 ปีก่อน จึงเป็นความท้าท้ายของ โบอาส ที่ต้องพาทีมลุ้นกลับคืนสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้งหนึ่ง