อัซซูรี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะผ่านเข้าการแข่งขันรายการสำคัญได้อย่างง่ายดาย เหมือนที่พวกเขาผ่านเข้ารอบยูโร 2020 โดยมีโรแบร์โต้ มันชีนี เฮดโค้ชคนปัจจุบัน ของทีม ที่นำทีมผ่านเข้ารอบคัดเลือกได้อย่างสวยหรู การมองโลกในแง่ดี โดยรอบ โดยเฉพาะเหล่านักเตะหน้าใหม่ในบุคปัจจุบัน ที่ต่างจากช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อสามปีก่อน
ทีมชาติอิตาลี ต้องการการเปลี่ยนแปลงมากมาย หลังจากที่ตกรอบคัดเลือกฟุตบอล 2018 เสี่ยงโห้ดังระงมหลังพวกเขาพ่ายต่อสวีเดน แต่มันกลายเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะมันเป็นสิ่งที่หลักเลี่ยงไม่ได้กับความอึดอัดมานานกว่า ทศวรรษ
หลังจากผลการแข่งขันไม่ดี สหพันธ์ฟุตบอลอิตาลี ก็ได้จัดการปลด จานปิเอโร เวนตูรา อย่างรวดเร็ว บอกตามตรงว่าคุณสมควรได้รับสิ่งนี้ เมื่อเขาส่งกองกลางตัวรับแทนที่กองหน้าในสถานการณ์ที่ต้องการประตูอย่างมาก ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เวนตูรา ทำในคืนนั้น
การคุมทีมที่ย่ำแย่ของ เวนตูรา ทำให้ จิอันลุยติ บุฟฟ่อน ตัดสินใจหันหลังให้กับทีมชาติ และกลายเป็น มันชีนี ที่กลายเป็นคนนำพา อิตาลี สู่ทิศทางใหม่ ภารกิจของเขานั้นง่ายมาก คือการควานหานักเตะรุ่นใหม่ และเตรียมพร้อมสำหรับ ยูโร 2020 และเขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ค่อยๆ ฟื้นฟูความมั่นใจที่พังทลายของทีม ในรอบคัดเลือกยูโร 2020 พวกเขามีสถิติชนะสิบครั้งในสิบเกม แบบเพอร์เฟคต์ ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขามาถูกทางแล้ว
ในแง่ของตัวเลขที่แท้จริง อิตาลี ชนะ 18 จาก 27 เกม ของพวกเขา ภายใต้ การคุมทีมของมันชีนี โดยมีหลุดเสมอ 7 นัด และ แพ้ 2 นัด อัตราส่วนการชนะอยู่ที่ 67 เปอร์เซ่นต์ เขาเป็นเฮดโค้ชที่ดีที่สุดในการคุมทัพอัซซูี เมื่อมองถึง 20 เกมแรก
แต่เฮดโค้ชคนใหม่ที่เข้ามาคุมทีมที่ถูกขนานนามว่ามันคือความอับอายของประเทศชาติ จะพลิกผันได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร
เปลี่ยน โดยไม่เปลี่ยน
ก่อนอื่น โรแบร์โต้ มันชีนี ได้เติมเต็มชีวิตใหม่ให้กับทีมนี้ อายุเฉลี่ยของผู้เล่นตัวจริงของเขาในห้าเกมแรกในฐานะผู้จัดการทีมชาติอิตาลี คือ 25 ปี 260 วัน โดยก่อนที่เขาจะเข้ามาอายุเฉลี่ย ห้าเกมก่อนหน้านั้นสูงกว่าเกือบสามปี
อย่างที่สองแม้ว่านักเตะในสนามจะแตกต่างกัน แต่เขาพัฒนาระบบและรูปแบบการเล่นที่สอดคล้องกันเพื่อให้ทีมของเขาทำตาม อิตาลี มาในระบบ 4-3-3 ใน 24 เกมจาก 27 เกม ของพวกเขาภายใต้มันชีนี เมื่อเทียบกับผู้จัดการทีมสองคนก่อนห้นานี้ อย่าง เวนตูร่า และ ผู้จัดการชั่วคราวอย่าง ลุยจิ ดิ เบียโจ้ ซึ่งใช้ระบบการเล่นที่แตกต่างกัน 6 แบบ ใน 18 เกม และไม่เคยใช้ระบบเดียว เกิน 6 นัด
ข้อมูลยังระบุว่า ผู้เล่นมีปฏิกิริยา อิตาลี ของมันชีนี ทำผลงานได้ดีกว่าผู้จัดการทีมสองคนก่อนหน้านี้มาก พวกเขามีสัมผัสบอลที่มากขึ้นในกรอบเขตโทษของฝ่ายตรงข้าม ใส่ใจกับการเล่นฟุตบอลมากขึ้น และสร้างโอกาสได้มากขึ้น พวกเขายังมีพลังทั้งเกมรุก และเกมรับ หลังเปิดโอกาสให้ คู่ต่อสู้ยิงน้อยลงหากมองจากค่าเฉลี่ย
นี่คือลักษณะเฉพาะของอิตาลี ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งตอนนี้เล่นด้วยความกล้าหาญ มีความลื่นไหล และไหวพริบในการเล่นเกมรุกมากขึ้น
สถิติไร้พ่ายเดินหน้าอย่างต่อเนื่องของอิตาลี พวกเขาไม่เคยฟอร์มตกในช่วงสองปีที่ผ่านมา แม้ว่ายูโร 2020 จะเลื่อนออกไป และทำให้การแข่งขันนั้นยาวนานเกินกว่าปกติ แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม นักเตะรุ่นใหม่ของอิตาลี เหล่านี้ ยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นตั้งแต่ปี 2019 อัซซูรี ชนะการแข่งขัน 15 เกมจาก 18 เกม ส่วนอีกสามเกมจบลงด้วยการเสมอกัน นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หลังสงครามโลก ที่อิตาลี ไม่แพ้ใครยาวนานเกิน 2 ปี
พวกเขายิง ได้ 54 ประตู ในช่วงเวลานั้น ค่าเฉลี่ย อยู่ที่ 3 ประตูต่อเกม เมื่อเปรียบเทียบสถิติเหล่านั้นกับผลการแข่งขันในปี 2017 และ 2018 อัซซูรี ชนะเพียง 9 เกม เสมอ 7 และ แพ้ 5 นัด โดยทำประตูได้เพียง 24 ประตู ในช่วงเวลานั้น
การที่ทีมไม่แพ้ใคร 18 เกม คือสถิติที่ยาวนานที่สุดของประเทศ
การสลับดอก
แม้ว่ามันชีนี จะยึดติดกับรูปแบบการเล่นที่เขาเลือก แต่เขาก็ไมได้ลังเลเลยที่จะเปลี่ยนนักเตะตัวจริง น่าเหลือเชื่อ เขาใช้นักเตะไป 64 คน ใน 27 เกมแรกที่คุมทีมชาติอิตาลี ซึ่งมากกว่า ผู้จัดการทีมอื่นๆ ที่ผ่าน 27 เกมแรกในการคุมทีมชาติ
การซ่อมแซฒของเขาก็ให้ผลเช่นกัน ผู้เล่นทั้งหมด 27 คน ยิงประตูได้ มีเพียง วิตตอริโอ ปอซโซ (53) และ เซซาเร่ ปรันเดลลี (52) เท่านั้นที่มีจำนวนนักเตะยิงประตูแตกต่างกันได้มากกว่า สำหรับอิตาลีชุดนี้ (29) อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขาจะพบเจอนักเตะตัวหลัก ที่สร้างความมั่นใจให้กับเขา ดูเหมือนว่า จอร์จินโญ จะยึดตำแหน่ง เพลย์เมกเกอร์ ที่คอยเล่นในแนวลึก ขณะที่ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี ยังคองยู่ในตำแหน่งกองกลางตัวรับ
นิโคโล บาเรลลา ส่วนใหญ่จะได้เล่นในบทบาทกองกลางหมายเลข 8 และคอยสนับสนุนเกมรุก ลอเรยโซ อินซิเญ ได้เป็นนักเตะเอาท์ฟิลด์ หลังจากที่ได้เล่นแค่ 15 นาที เทานั้น ในเกมสองเลกกับสวีเดน ในปี 2019
ข้อดีอีกอย่างที่จอร์จินโญ นำเข้ามาก็คือการยิงจุดโทษของเขา ซึ่งมีค่ามาก เมื่ออยู่ในช่วงซัมเมอร์ที่ละเอียดอ่อน ภายใต้ มันชีนี กองกลางชาวอิตาเลียน ยิงจุดโทษไปแล้ว 5 ประตู มีนักเตะเพียงแค่สองคนเท่านั้นที่ยิงจุดโทษให้กับอิตาลีได้มากกว่านี้ นั่นก็คือ โรแบร์โต้ บาจโจ้ (7) และ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร (6)
ทั้งหมดถือว่าเป็นตัวจุดประกายหรือไม่
แม้จะมีความสามารถในการรุกของอิตาลี แต่ก็ยังไม่มีกองหน้าตัวหลักภายในทีมของมันชีนี ในยุคของเขา อันเดรีย เบล็อตติ คือกองหน้าที่ทำประตูในบอลยูโร รอบคัดเลือกได้มากที่สุดของทีม แต่นั่นเทียบไม่ได้กับนักเตะคนอื่น ในความเป็น มีนักเตะกว่า 49 คที่ยิงประตูได้มากกว่าเบล็อตติในช่วงเวลานั้น
มันดูเป็นเรื่องแปลกที่นักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดในทีม แค่ 6 ประตู ทั้งที่พวกเขามีค่าเฉลี่ยทำประตู 3 ลูกต่อเกม และไม่ใช่แค่เบล็อตติ เท่านั้นที่มีปัญหา แต่หากมองถึงการแข่งขันฟุตบอลภายในประเทศ มันยากที่จะประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ
หากจะล้มทีมของมันชีนี สักครั้ง มันก็คือการมีผู้นำในเกมรุกที่แท้จริง ดาวยิงที่แท้จริง ที่สามารถช่วยให้ทีมเอาตัวรอดจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก
อย่างไรก็ตาม อิตาลี มีผู้เล่นตัวจริงที่แข็งแกร่งให้เลือก ซึ่งทำผลงานได้ดีมาก โดยเฉพาะการเล่นในบ้านช่วงปี 2020-21 กองหน้าอิตาเลียน 6 ราย ยิงไปแล้วมากกว่า 10 ประตู ในห้าลีกชั้นนำของยูโรป ในฤดูกาลนี้ และอีกคนรวมอยู่ในทีมสำหรับการแข่งขันในช่วงพักเบรคทีมชาติ มีเพียงแค่ มอยเซ คีน (11 ประตู) เท่านั้น ที่ต้องถอนตัวไป เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ
หลายคนที่สงสัชีให้เห็นว่า อิตาลี ยังไม่ได้เจอของแข็งในยูโร 2020 รอบคัดเลือก แต่ทีมยังชนะเป็นแชมป์กลุ่มในเนชันส์ลีก โดยไม่แพ้การแข่งขัน โดยอยู่ร่วมสายกับทีมอย่างเนเธอร์แลนด์ ที่ไม่ใช่ทีมรองบ่อน
มันชีนี บรรลุเป้าหมายแรกแล้วในการฟื้นฟูสถานะของอิตาลีในการกลับมาเป็นมหาอำนาจของยุโรปที่ได้รับการยอมรับอย่างทั่วถึง ตอนนี้มันถึงส่วนที่ยากที่สุดนั่นคือการนำความสำเร็จในเวทีใหญ่ และนำไปสู่การเป็นแชมป์ในช่วงซัมเมอร์นี้