โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ประสบความสำเร็จมากแค่ไหนในการเป็นเฮดโค้ชของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

และแม้ทีมจะเก็บคะแนนได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่โซลชาก็สามารถพาทีมจบด้วยการเป็นอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก แต่ตัวกุนซือชาวนอร์วีเจียน ต้องตอบคำถามอีกมากมาย หลังจากที่ได้คุมทีมครบทั้งฤดูกาลเป็นแรก เรามาวิเคราะห์ ผลงานของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ในฐานะ ผู้จัดการทีม

การปรับปรุงวัฒนธรรมภายในทีม

นับตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2018 ที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา เข้ามาทำงานที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สถานการณ์ในตอนนั้น ค่อนข้างน่าปวดหัว หลังจากที่แมนฯยูไนเต็ด ได้ไล่ โชเซ มูรินโญ ออกจากตำแหน่งหลังพาทีม พ่ายต่อ คู่ปรับตลอดกาลอย่างลิเวอร์พูล 3-1 มันทำให้เกิดความตึงเครียดอย่างมากภายในทีม และทุกคนก็ต้องการคำตอบจากสโมสร

และคำตอบก็คือการเข้ามาของโซลชา ปีศาจแดง ของโซลชา เริ่มต้นด้วยการบุกไปเอาชนะ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 5-1 ซึ่งนั่นเป็นช่วงเวลาแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น หลังจากที่ทีมเพิ่งแพ้มา แมนฯยู ณ เวลานั้น เล่นฟุตบอลในสไตล์ที่น่าเบื้อ เน้นเกมรับมาตลอดทั้งเดือน และในฐานะที่เป็นตัวรุก โซลชา ได้ใส่จุดแข็งเหล่านั้นให้กับทีม ทั้งต่อ ปอล ป็อกบา, อองโธนี มาร์กซิยาล และ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ชยับเข้าใกล้กันมากขึ้น เพื่อเชื่อมบอล พวกเขาดูสนุกกับการเล่นฟุตบอลมากมายขึ้นภายใต้การคุมทีมของโซลชา ดูได้อย่างเกมที่พวกเขาทำประตูได้ถล่มทลายล่าสุด เหนือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบียน และ บอร์นมัธ มันแสดงให้เห็นว่าบรรดานักเตะตัวรุกมีความสุขมากแค่ไหน

การรักษาแรงจูงใจของนักเตะ คือกุญแจสำคัญของปรัชญา โซลชา และ สิ่งที่เขาคาดหวังสูงที่สุด ก็คือ การที่นักเตะของเขาที่จะมีทัศนคติที่ถูกต้อง

โซลชา ตัดสินใจปล่อย โรเมลู ลูกากู และ อเล็กซิส ซานเชซ ให้กับอินเตอร์ มิลาน เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา การปล่อย 2 นักเตะชื่อดังออกไปจากทีมคือความเสี่ยง แต่ โค้ชเรื่องที่จะแสดงให้เห็นถึงอำนาจ และพร้อมที่จะเสี่ยงและมองว่ามันคุ้มค่า

โซลชา พยายามเช็คดูแบ็คกราวน์ดของนักเตะทุกคนที่จะย้ายเข้ามา เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาโครงสร้างของทีม เขาได้คุยกับ โค้ชเยาวชนและเพื่อนร่วมทีม ของ อารอน วาน บิสซาก้า และ แฮร์รี แมคไกวร์ ก่อนที่จะทุ่มเงิน 130 ล้านปอนด์ เพื่อล่าลายเซ็นของทั้งคู๋ เขาต้องการทำให้มั่นใจว่า ทั้งสองมีแคแรคเตอร์ ที่เหมาะสม และจะยกระดับขุมกำลัง และ คุณภาพของทีม

การตั้งคำถามในการเลือกนักเตะ

หนึ่งคำวิจารณ์ ที่มากที่สุด ที่มีต่อ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือการเลือกนักเตะลงสนาม แน่นอนว่าบางเกม เขาทำให้ทุกคนสงสัย โดยเฉพาะยามที่เขาพยายามเลือกนักเตะที่ดีที่สุดลงสนาม

ยกตัวอย่างเกมสุดท้ายของพรีเมียร์ลีก ที่เจอกับ เลสเตอร์ ซิตี้ บรูโน แฟร์นานเดส ดูล้ามาก โดยก่อนหน้านั้นเจ้าตัวก็มีโอกาสได้พัก แต่ตั้งแต่ชัยชนะเหนือนอริช ในเอฟเอ คัพ ตัวหลักหลายคนถูกส่งลงสนามอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ บรูโน แฟร์นานเดส ที่ต้องลงสนามมากกว่าคนอื่น

อีกหนึ่งตัวอย่างที่น่าแปลใจ ก็คือการแพ้ ต่อ เชลซี ในเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ปอล ป็อกบา ออกสตาร์ทที่ม้านั่งสำรอง ทั้งที่เกมนั้น มันไม่ใช่เกมที่เหมาะสมที่จะส่งตัวสำรองลงสนาม

ขณะเดียวในช่วงสัปดาห์ล่าสุด แผงกองกลางอย่าง สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ และ เฟร็ด แทบไม่ได้ลงสนามเลย นับตั้งแต่ ปอล ป็อกบา กลับมา เช่นเดียวกับ เนมานยา มาติช ที่เบียดทั้งสองคนเป็นตัวจริง และยืดตำแหน่งตัวจริงอย่างยาวนาน พร้อมพาทีมไร้พ่ายในลีก แม้มาติช จะอายุมากขึ้น แต่การเล่น 2 นัด ต่อสัปดาห์อาจจะมีปัญหา โดยเฉพาะในฤดูกาลถัดไป นั่นหมายความว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา จำเป็นต้องเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการสลับสับเปลี่ยนนักเตะภายในทีม

ด้วยการที่จาดอน ซานโช จะเข้ามาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ นั่นหมายความว่าแรวรุก พวกเขาจะมีทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด, อองโธนี มาร์กซิยาล, เมสัน กรีนวูด, จาดอน ซานโช, โอเดียน อิกาโล่ และ ดาเนียล เจมส์ แต่จะมีแค่ 3 คนเท่านั้นที่จะได้ออกสตาร์ท ในพื้นที่สุดท้าย และทำให้นักเตะในตำแหน่งที่น่าจะสดพร้อมตลอดเวลา

ผู้พิชิต บิ๊กทีม

โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กลายเป็นโค้ชที่พาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะทีมใหญ่ได้บ่อยๆครั้ง แต่กลับมามีปัญหา ยามที่เจอกับทีมที่มาตั่งรับต่ำ บางครั้งเขาต้องรู้วิธีทลายกำแพง

โซลชา มีสถิติไม่แพ้ทีมในระดับ ท็อป 6 อังกฤษ สูงถึง 71 เปอร์เซ็นต์ จากการคุมทีมเจอมาทั้งหมด 21 ครั้ง โดยเปลี่ยนเป็นชัยชนะ 10 ครั้ง, เสมอ 5 และ แพ้ 6

นั่นคือสิ่งที่น่าประทับใจที่สุด คือช่วงเวลาที่ทีมคว้าชัยเหนือทีมใหญ่ได้อย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2019 หลังจากที่เจอกับผลลัพธ์ที่ไม่ดี และมี 2 แมตช์ใหญ๋รออยู่ แต่ โซลชา พาทีมชนะสเปอร์ส 2-0 และเอาชนะ แมนฯซิตี้ 2-1

บอสใหญ่ของแมนฯยู มีสถิติที่ดีมาก ในการเผชิญหน้ากับสองทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เชลซี หลังพาทีมเอาชนะทั้ง 2 ทีมได้ถึง 3 ครั้งในฤดูกาลที่ผ่านมา ระบบการเล่นโต้กลับ คือสไตล์ที่เขาเลือกใช้ก่อนการเน้นเรื่องการครองบอล

ในเกมใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะในบอลถ้วย ซึ่งเกมหนึ่งที่คงไม่มีใครลืมก็คือ การพลิกกลับมาเอาชนะ เปแอสเช 3-1 ในแชมเปี้ยนส์ลีก ซึ่งนักเตะและโค้ชของแมนฯยู หวังว่านี่จะเป็นแรงบันดาลใจในการทำให้ทีมกลับมาประสบความสำเร็จในฤดูกาลหน้า

นอกจากนี้มันยังทำให้ โอกาสของแมนฯยู มีมากขึ้นในยูโรป้าลีก ซึ่งมีความเป็นไปได้ ที่พวกเขาจะต้องเจอกับ โรมา, เซบีญา และ อินเตอร์ มิลาน โซลชาจำเป็นต้องวางแท็คติกให้ฉลาดในเกมเหล่านี้

การปิดฉากฟุตบอลลีกที่น่าประทับใจ

แมนฯยูไนเต็ด ดูหมดลุ้นไปแล้วในฤดูกาลนี้ พวกเขาควรจะชนะเกมบางเกม แต่บางเกมพวกเขาก็ควรจะแพ้ แต่พวกเขาก็กลับชนะ ยกตัวอย่าง การพ่ายต่อเบิร์นลีย์ ทั้งไปและกลับ ต่อนิวคาสเซิล, บอร์นมัธ และ เวสต์แฮม คือตัวอย่างที่ชัดเจนว่านี่เป็นจุดอ่อนของโซลชา

ณ เวลานั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลัง เลสเตอร์ ที่อยู่อันดับ 3 อยู่ถึง 14 คะแนน หลังจากที่แพ้ต่อเบิร์นลีย์ มันเป็นช่องว่างที่ห่างไกลมาก และไม่มีใครในห้องแต่งตัวของทีมกล้าคิดหรอกว่าพวกเขาจะทำได้ตามเป้าหมาย แต่วัฒนธรรม และ บรรยากาศ ทำให้ โซลชา พยายามผลักดันทุกคน และการคว้าตัว บรูโน แฟร์นานเดส มาจากโปรตุกีส และทำไป 8 ประตู จาการลงสนามทั้งหมด 14 นั่น และ แอสซิสต์อีก 7 ครั้ง เขาทำให้ แท็คติกของแมนฯยู ลงตัว ไม่ว่าจะเล่นโต้กลับเร็ว หรือเน้นการครองบอล หากทีมซื้อนักเตะเหมือนเขาได้เพิ่ม ทีมจะยังคงอยู่ในทิศทางที่ถูกต้องต่อไป

สรุปแล้ว โอเล่ ประสบความสำเร็จหรือไม่

โดยสรุป โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาทีมทำได้ตามเป้าหมายในฤดูกาลนี้ โดยเป้าหมายหลักก็คือการพาแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก

บางครั้งฟุตบอลก็อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยม ฤดูกาลที่ผ่านมา คะแนนอาจจะยังไม่สูง แต่นั่นคือเรื่องจริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ควรดีใจกับการได้ไปแชมเปี้ยนส์ลีก ที่พวกเขาได้รับใบปีนี้ แต่การเข้ามาของโซลชา ก็ทำให้ความวุ่นวานในทีมหลายปีหายไป ฤดูกาลแรกของเขาคือการแก้ไขความผิดพลาดตลอด 7 ปีทีผ่านมา

นักเตะดาวรุ่งได้รับโอกาสมากขึ้น โดยเฉพาะ เมสัน กรีนวูด ที่แจ้งเกิด หลังทำไป 10 ประตูในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ และแสดงให้เห็นว่า โซลชา เน้นบอลเกมรุก

หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก ฤดูกาลนี้ มาครองได้ในเดือนหน้า จะถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย แต่ถ้าไม่ โซลชาก็ถือว่าได้ทำตามเป้าหมายที่บอร์ดบริหารคาดหวังเอาไว้ บอสใหญ่ของปีศาจแดง ได้วางรากฐานที่จะทำให้ทีมประสบความสำเร็จในอนาคต ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม