หน้าแรกหัวข้อ4 ความพ่ายแพ้ ที่ย่อยยับที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนโดนในแดงเดือด

4 ความพ่ายแพ้ ที่ย่อยยับที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนโดนในแดงเดือด

นี่คือชัยชนะที่ขาดลอยที่สุดของลิเวอร์พูล ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด และสร้างเซอร์ไพรส์ ให้แฟนบอลด้วยเหตุผลหลายประการ

อีกแง่มุมที่น่าสังเกตของผลการแข่งขัน คือการยืนยันถึงเรื่องแปลกๆ เหล่านี้ มักจะเกิดขึ้นในพรีเมียร์ลีกในช่วงเดือนตุลาคม

เราขอย้อยไปดูกันว่า ปีศาจแดง กลับมาได้อย่างไรในสี่ครั้งก่อนหน้านี้ ที่พวกเขาแพ้ไปขาดลอบถึง 5 ประตูในประวัติศาสตร์ของพรีเมียร์ลีก

4 ความพ่ายแพ้ ที่ย่อยยับที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนโดนในแดงเดือด หัวข้อ
chroniclelive.co.uk

นิวคาสเซิล 5-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ตุลาคม 1996)

แฟนๆนิวคาสเซิล อาจจะหวังว่าพวกเขาจะถล่มแมนยู ได้อีก เหมือนที่พวกเขาเคยทำกับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสันในเดือนตุลาคม 1996 หลังกลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบีย มาเทคโอเวอร์พวกเขา

ในขณะที่เหล่าจอร์ดี้ กำลังเมาควัน มันไม่สำคัญเลยว่า ลูกที่เดนนิส เออร์วิน สกัดลูกโขกของดาร์เรน พีคอค ข้ามเส้นในนาที 12 เป็นประตูแรกหรือไม่

ก่อนพักครึ่ง ดาวิด ชิโนล่า มายิงสองลูก ที่เกิดขึ้นมาการพาบอลลุยเข้ากรอบเขตโทษ และในนาทีที่ 75 เลส เฟอร์ดินานด์ และ อลัน เชียเรอร์ ก็ทำให้สกอร์ขาดไปอีก

และลูกชิปอันงดงามที่ข้ามหัว ปีเตอร์ ชไมเคิล ของ ฟิลิป อัลแบร์ เป็นการปิดฉษกที่ส่วนงาม

บทสัมภาษณ์อันโด่งดังเกิดขึ้น เมื่อไม่กี่เดือนก่อน หลังทั้งที่ทั้งสองฝ่าย ต่างทวีความเกลียดชังใส่กัน ระหว่าง ผู้จัดการทีมของนิวคาสเซิล ในเวลานั้น อย่าง เควิน คีแกน และ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

แต่เช่นเดียวกับ ฤดูกาล 1995/96 แมนยู จะหัวเราะทีหลังดังกว่า ในฤดูกาล 1996/97 ที่พวกเขาเอาชนะนิวคาสเซิล พร้อมคว้าแชมป์ ด้วยการมีแต้มห่างกันถึง 7 แต้ม ในตารางคะแนน

4 ความพ่ายแพ้ ที่ย่อยยับที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนโดนในแดงเดือด หัวข้อ
google.com

เชลซี 5-0 แมนฯยูไนเต็ด (ตุลาคม 1999)

แมนยู มาด้วยฟอร์มเหนือกว่าในการบุกมาเยือนที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ โดยพวกเขาเพิ่งสร้างประวัติศาสตร์ คว้าเทรเบิ้ลแชมป์ และไม่แพ้ในพรีเมียร์ลีกมา 29 เกมติดต่อกัน

เชลซี เดินเข้าใส่อย่างดุเดือดตั้งแต่นาทีแรก และกุสตาโว โปเยต์ ก็เอาชนะ มัสสิโม ตาอิบี้ นยทวารของแมนยู จากจังหวะโฉบตัดหน้าไปโขก ให้เจ้าถิ่นออกนำ

ตาอิบี้ ต้องก้มเก็บบอลที่เชลซี ยิงไปซุกที่ก้นตาข่ายถึง 5 ครั้ง ทั้งที่เขาถูกคาดหมายว่าจะเข้ามาแทนที่ของ ชไมเคิล และยืนเป็นมือ 1 ของทีม และนั่นคือเกมสุดท้ายของโกลชาวอิตาเลียน กับ แมนยู

ก่อนหน้านั้น นิคกี้ บัตต์ ก็ถูกไล่ออกไปอีก หลังจากที่ คริส ซัตตัน เพิ่งโขกเข้าประตูไปในนาทีที่ 16 จากการปะทะกับ เดนนิส ไวส์ โดยที่บัตต์ โดนใบแดงคนเดียว และพยายามยั่วให้ไวส์ โดนด้วย

โปเยต์ มายิงเพิ่มอีกในช่วงสิบนาทีก่อนพักครึ่ง และเชลซี ก็ปิดได้ด้วยประตูของ เฮนนิ่ง เบิร์ก และ โจดี้ มอร์ริส ที่ยิงลอดหว่างขา ตาอิบี้

ความพ่ายแพ้ดังกล่าวเป็นการพ่ายแพ้นัดเดียวของฤดูกาลนั้น ในพรีเมียร์ลีก และทีมของเฟอร์กี้ ก็คว้าแชมป์ ด้วยการเก็บไปถึง 91 คะแนน ในตอนนั้น

4 ความพ่ายแพ้ ที่ย่อยยับที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนโดนในแดงเดือด หัวข้อ
premierleague.com

แมนยูไนเต็ด 1-6 แมนซิตี้ (ตุลาคม 2011)

การพ่ายแพ้ ต่อลิเวอร์พูล อาจจะดูย่ำแย่ที่สุด แบบไม่ต้องสงสัย แต่แฟนบอลแมนยู จะไม่มี วันลืมการทำหกประตูอันน่าทึ่งของแมนซิตี้ ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ช่วงพักครึ่ง เกมยังคงสูสี โดยแมนซิตี้นำอยู่แค่ 1-0 ต้องขอบคุณ มาริโอ บาโลเตลลี ที่กลายเป็นไวรัลกับการถกเสื้อโชว์ข้อความ why Always me?

แต่ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เมื่อจอนนี อีแวนส์ โดนไล่ออกจากสนาม ในนาทีที่ 47 จากการสกัด มาริโอ บาโลเตลลี ที่กำลังหลุดเดี่ยว

ประตูที่สองของบาโลเตลลี และอีกหนึ่งประตู สำหรับ อเกวโร ทำให้ทีมเยือนนำห่างเป็น 3-0 แม้ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ จะตีไข่แตกได้ในนาที 81 แต่พวกเขาก็มารัวสามประตูในสี่นาทีสุดท้ายของเกม ที่มาจาก การประสานงานของ เอดิน เชโก้ และ ดาบิด ซิลบา ที่ผ่าน ขาของ ดาบิด เด เกอา เป็นประตูปิดฉากชัยชนะของ แมนซิตี้ ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แบบไม่เคยมีมาก่อน

มันคือช่วงเวลาที่แมนเชสเตอร์ กลายเป็นสีฟ้า และทำให้พวกเขานำเป็นจ่าฝูงด้วยการทิ้งห่างผู้ตามถึง 5 แต้ม และสุดท้ายก็คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกสมัยแรกด้วยประตูของ เซร์คิโอ อเกวโร ที่ยิงเข้าไปในวินาทีสุดท้าย

4 ความพ่ายแพ้ ที่ย่อยยับที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนโดนในแดงเดือด หัวข้อ
eurosport.com

แมนยู 1-6 ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ส (ตุลาคม 2020)

ความพ่ายแพ้ต่อสเปอร์ส คือช่วงเวลาที่ย่ำแย่ที่สุดในพรีเมียร์ลีกของโซลชา ก่อนจะโดนลิเวอร์พูลมาถล่ม และเป็นการกลับมาในรอบ 1 ปีของ โชเซ มูรินโญ ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

แม้บรูโน แฟร์นานเดส จะยิงจุดโทษให้ทีมออกนำตั้งแต่นาทีที่ 2 แต่แมนยู ก็มาตามหลังสเปอร์ส 1-2 จากประตูของ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ และ ซน ฮึง มิน

และเมื่อ อองโธนี มาร์กซิยาล ถูกไล่ออกจากสนาม หลังไปตบหน้า เอริค ลาเมลา ที่เล่นละคน มันมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้ผู้ตัดสินชูใบแดงไล่ออกจากสนามไปแบบไม่ต้องสงสัย

ในช่วงพักครึ่ง สกอร์ห่างเป็น 4-1 จากเคนและซน ที่ฉกฉวยความผิดพลาดของแนวรับแมนยู แต่ในครึ่งหลัง ยังมีความปราณี หลังมีประตูจาก แซร์ช ออริเยร์ และจุดโทษของแฮร์รี เคน ที่แสกหน้า ดาบิด เด เกอา เข้าไป

หลังจากการแพ้เละ แมนยู กลับมาได้อย่างยอดเยี่ยม หลังแพ้เพียงแค่เกมเดียว ใน 16 เกมต่อมาในพรีเมียร์ลีก จบด้วยการเป็นอันดับ 2

ในขณะเดียวกัน สเปอร์สก็จบด้วยการไล่ มูรินโญ ออกก่อนจบฤดูกาลและเป็นครั้งสุดท้ายของเขาในการเจอกับแมนยูของมูรินโญ ด้วย โดยปีศาจแดง ยังวางใจในตัวโซลชา อย่างเหนียวแน่น ก่อนจะไปล้างแค้นได้ที่ลอนดอน เหนือ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -

ที่นิยมมากที่สุด