1.แฟนๆ เริ่มกลับมาสู่สนาม
แม้ว่า ลีก เอิง จะเป็นลีกระดับท็อป ลีก เดียวที่ตัดสินใจตัดจบฤดูกาลทันทีหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เริ่มขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ซึ่งเห็นได้ชัดว่า เกิดจากความสื่อสารกันไม่เข้าใจกันระหว่าง รัฐบาลฝรั่งเศส และ ยูฟ่า ทำให้ตอนนี้ ลีกฝรั่งเศส น่าจะเป็นลีกเดียวที่อนุญาตให้แฟนบอลกลับมาเข้าในสนาม มากกว่า 5,000 คน ที่สวมหน้ากากอนามัยเข้ามาในสนาม และมีการรักษาระยะห่างทางสังคม ในเกมลีก เอิง แต่ ละเกม รวมถึงเกมบอลถ้วย นัดชิงชนะเลิศ 2 รายการ ขณะเดียวกัน คู่เปิดหัว ระหว่าง มาร์กเซย์ กับ แซงต์ เอเตียน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ต้องถูกเลื่อนการแข่งัขนออกไป เนื่องจากมีนักเตะ มาร์กเซย์ หลายคนติดเชื้อโควิด ขณะที่ นีซ ต้องเล่นในสนามแบบปิด
2. การกลับมาของ ลองส์
เหมือนกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่ได้กลับมา พรีเมียร์ลีกอีกครั้ง ลองส์ อดีตแชมป์เมื่อฤดูกาล 1997/98 ก็ได้กลับมาเล่นในลีกสูงสุดประเทศฝรั่งเศสอีกครั้ง แม้ว่าในลีก เดอซ์ ลองส์ จะมีสถิติเป็นทีมที่มีแฟนบอลเข้าสูงอย่างต่อเนื่องก็ตาม และพวกเขาก็เป็น ทีมที่ได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างมากในฝรั่งเศส
เมื่อไม่นานมานี้ ทีมได้พยายามรวบรวมบรรดานักเตะมากพรสวรรค์ จาก ลีก ดิวิชั่น 2 ลองส์ ได้เตรียมตัวสำหรับ ลีกสูงสุดเป็นอย่างดี และพยายามเพิ่มขุมกำลังของพวกเขา อาทิ กาแอล กากูต้า ที่มีประสบการณ์ในลีกเอิง เช่นเดียวกับ เซ็นเตอร์แบ็ค พรสวรรค์ อย่าง โลอิค บาเด้ และ กองกลางจอมอึด อย่าง ชีค ดูคูเร่ ทำให้เป็นทีมที่น่าจับตา โดยเฉพาะเกมดาร์บี้ ดู นอร์ด ระหว่าง ลองส์ กับ ลีลล์
3. มาวิดิดี้ ที่ มงต์เปลิเยร์
ในช่วงทีผ่านมา บุนเดสลีกา ได้กลายเป็นสถานที่แจ้งเกิดของเาวรุ่งจากอังกฤษ แต่ สเตฟี มาวิดิดี้ มีความแตกต่างออกไปเล็กน้อย นักเตะที่เกิดในเมืองดาร์บี้ เซ็นสัญญากับยูเวนตุส ในปี 2018 หลังไม่ได้โอกาสจากทีมชุดใหญ่ของ อาร์เซนอล ซึ่งเจาก็ได้โอกาสเพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น ในเซเรีย อา ฤดูกาลก่อน ก่อนจะถูกปล่อยให้ ดิฆอง ยืมตัวใช้งาน พร้อมทำไป 5 ประตู จาก ลีกเอิงทั้งหมด 24 นัด ทำให้ มงต์เปลิเยร์ ที่พลาดโควต้า ยูโรป้า ลีก ไปหวุดหวิดในปีที่ผ่านมา ทุ่มเงิน 5.7 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัว มาวิดิดี้ มาร่วมทีม ตอนนี้ เขาอายุ 22 ปีแล้ว และมีความเร็ว และสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแผงเกมรุก เขาติดทีมชาติอังกฤษ ชุดเยาวชนมาแทบทุกชุด ไล่ตั้งแต่ U17, U18, U19 และ U20 และ ในสัปดาห์นี้ เขาได้บอกกับ ผู้สื่อข่าวว่า เป้าหมายของเขา คือการถูกเรียกตะวไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ และด้วยสไตล์การเล่นโต้กลับ ของ มิเชล เดอ ซากาเรียน น่าจะเป็นสถานที่ที่เพอร์เฟคต์ สำหรับตัวเขา
4. โมนาโก ภายใต้การคุมทีมของ นิโก้ โควัช
หนึ่งในเรื่องเซอร์ไพรส์ ในช่วงซัมเมอร์ ก็คือการเปลี่ยนแปลงโค้ช หลังจากที่ได้คุมทีมไปเพียงแค่ 12 เกม โรเบิร์ต โมเรโน ก็ถูก โมนาโก ตะเพิดออกจากตำแหน่งในช่วงเดือน กรกฎาคม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมา ทีมก็ทำผลงานได้ดีเป็นบางเกม แต่ด้วย บอร์ดบริหารไม่ค่อยมั่นใจในตัวเขา ทำให้ พอล มิตเชลล์ ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ ได้นำตัว นิโก้ โควัช มาคุมทีม เขาเป็นโค้ชที่เน้นเรื่องร่างกายแข็งแกร่ง น่าจะเหมาะกับ ลีก เอิง โควัชมีประสบการณ์มาแล้ว ในการรวมทีม และเคยคุมทีมระดับสูง อย่าง แฟรงค์เฟิร์ต และการไม่ได้ไปเล่นบอลยุโรป ต้องยกย่องสโมสร ที่สามารถหาคนที่มีพรสวรรค์ มาคุมทีม และทำให้ฤดูกาลนี้ โมนาโก มีโอกาสที่จะคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลหน้า
5. นักเตะมากพรสวรรค์ ที่กำลังแจ้งเกิด
ก่อนฤดูกาล 2018/19 ลีก เอิง ถูกเรียกว่าเป็นลีก แห่งพรรสวรรค์ และฤดูกาลนี้ ก็เป็นอีกครั้ง ที่น่าสนใจ ไล่จาก ลอริยองต์ ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมา ก็นำทีมโดย เอนโซ เล ฟี ที่เพิ่งอายุ 20 ปี และเป็นกองกลางตัวสร้างสรรค์เกม มาซองค์ กาเกเรต์ กองกลางของลียง ที่เพิ่งอายุ 20 ปี เช่นกัน และตั้งตารอที่จะเล่นให้ทีมชุดใหญ่อย่างเต็มตัวในฤดูกาาลนี้ หลังทำผลงานได้น่าประทับใจในแชมเปี้ยนส์ลีก หรือ รายาน อิต นูรี แบ็คซ้าย วัย 19 ปี ทีทำผลงานได้น่าประทับใจกับ อองเชร์ เป็นอย่างมากในลีกเอิง ปีแรก และมีข่าวว่าเขาอาจจะได้ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มดาวรุ่งหลายคนที่ไม่เควรมองข้าม ทั้ง ปีกอย่าง ไอแซค ลิฮัดจิ (18 ปี) ที่ย้ายจาก มาร์กเซย์ มาอยู่กับ ลีลล์, กองหน้า อามีน กูอิรี (20) ที่ย้ายจาก ลียง ไปอยู่กับ นีซ และ อดิล อูชิเช ที่ย้ายจาก เปแอสเช ไปอยู่ แซงต์ เอเตียน ทั้งหมดต่างมีศักยภาพและน่าจะได้โอกาสลงสนามมากขึ้น
6. การกำเนิดใหม่ของลียง
การคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก คือ โอกาสสุดท้าย สำหรับการได้ไปเล่นฟุตบอลยุโรป เป็นฤดูกาลที่ 25 ติดต่อกัน แต่สุดท้ายภารกิจก็ล้มเหลว หลังพวกเขาต้องจบเส้นทางที่รอบรองชนะเลิศ และทำให้ พวกเขาอาจจะต้องสูญเสีย กำลังหลัก หากได้รับจ้อเสนอที่เหมาะสม ฮุมเซม อาอูอาร์, มุสซา เดมเบเล่ และ เมมฟิส เดปาย ทั้งหมดมีสิทธิ์ถูกขายออกไป มันแสดงให้เห็นถึงการขาดประสบการณ์ของ จูนินโญ ผู้อำนวยการกีฬาของทีม และมันยากที่จะหาใครมาทดแทนได้ นอกจากนี้ ยังน่าสนใจว่า รูดี้ การ์เซีย กุนซือจอมปรัชญา พยายามดึงดาวรุ่งจาก อคาเดมี อย่าง กาเกเรต์, ฟูลแบ็คอย่าง เมลวิน บาร์ด และ กองหน้าอย่าง รายาน เชอร์กี้ ขึ้นมาอยู่กับทีมชุดใหญ่ในชุดล่าสุด และการไม่ต้องเล่นบอลยุโรป ทำให้พวกเขามีความสด และเป็นทีมดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ลียง อาจจะมีลุ้นแชมป์ลีก เอิง หากพวกเขามีการจัดการที่มีประสิทธิภาพ
7. ลีกที่มีความสูสีมากที่สุดในยุโรป
ในขณะที่การท้าชิงตำแหน่งแชมป์ลีก จาก ปารีส มันเป็นเรื่องยาก แต่อีก 19 ทีมที่เหลือในลีกเอิง กำลังเดินหน้าเข้าสู่ฤดูกาลใหม่ ทั้ง มาร์กเซย์, ลียง, ลีลล์ และ โมนาโก ที่กำลังเปลี่ยนผ่าน น้องใหม่อย่าง ลอริยองต์ และ ลองค์ ก็พร้อมจะสู้เต็มที่ และทุกคนต่างก็มีดาวเด่น อย่างน้อยก็จนกว่าจะโดนทีมจากพรีเมียร์ลีก ดูดนักเตะไป ลีกเอิง ถือเป็นลีกที่น่าสนใจไม่น้อย ทั้งทีมระดับท็อป และทีมระดับล่าง ยกตัวอย่าง อดีตโค้ช แซงต์ เอเตียน ฌอง หลุยส์ กัสเซต์ ก็พร้อมทำให้ บอร์กโดซ์ เป็นทีมที่อันตราย แรนส์ ที่ดูฌหมือนไร้ประสบการณ์ พวกเขาก็ต้องพยายามทำซ้ำกับฤดูกาลที่ผ่านมา ด้วยการจบอันดับ 3 และตอนนี้พวกเขาก็ได้เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอล ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และการได้ปีกของเซบีญา อย่าง โรนี โลเปส และ มอร์กอง ชไนเดอร์แลง ที่ย้ายมาอยู่กับ ปาทริค วิเอรา ทางตอนใต้ ที่นีซ และยับมีอีกหลายรายที่ย้ายมา หลายสโมสรต่างพยายามเสริมทัพเพื่อไปเล่นฟุตบอลยุโรป และบางสโมสรก็ต้องเสริมทัพ เพื่อดื้นรนหนีการตกชั้น
8. มาร์กเซย์ กลับสู่ แชมเปี้ยนส์ลีก
ก่อนหน้านี้ มาร์กเซย์ ทำผลงานได้แย่มากในแชมเปี้ยนส์ลีก โดยเฉพาะครั้งล่าสุดในฤดูกาล 2013/14 พวกเขาผ่าน 6 นัด ในรอบแบ่งกลุ่มด้วยการมี 0 แต้ม โดยในกลุ่มของพวกเขามี อาร์เซนอล, ดอร์ทมุนด์ และ นาโปลี ที่ต่างเก็บได้ 12 คะแนน ซึ่งพวกเขาอาจจะถูกจับตามองกับการได้ไปเล่นในบอลยุโณปอีกครั้ง โดยเฉพาะอังเดร วิลลาส โบอาสที่อาจจะต้องบอกลานักเตะที่มีมูลค่าสูงอย่าง ฟลอริยอง โธแวง และ กองกลางอย่าง มอร์กอง ซองซัน หลังจากที่ทีมประสบปัญหาทางการเงินเป็นอย่างมาก ซึ่งผู้จัดการทีมของพวกเขาควรได้รับเครดิตอย่างมาก ในการทำให้สโมสรกลับมาประสบความสำเร็จ แต่ด้วยขุมกำลังที่มีไม่มาก ทำให้ภารกิจของเขานั้นไม่ง่ายเลย ประกอบกับโปรแกรมฟุตบอลในประเทศที่ต้องเตะสลับกับฟุตบอลยุโรป
9. หน้าใหม่ในเวทียุโรป
ในฤดูกาลนี้ โมนาโก, ลียง, แซงต์ เอเตียน และ บอร์กโดซ์ ต่างพลาดโอกาสไปเล่นบอลยุโรป ซึ่งทีมเหล่านี้คือทีมขาประจำ แต่ในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลง นอกจาก เปแอสเช, ลีลล์ และ มาร์กเซย์ ยังมีอีก 2 ทีม อย่าง แรนส์ ที่ได้เล่นแชมเปี้ยนส์ลีก รอบแบ่งกลุ่มเป็ฯครั้งแรก สโมสรนี้นำโดย โค้ชหนุ่มอย่าง ฆูเลียน สเตฟาน และ มีนักเตะดีๆหลายคน อาทิ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ที่เป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามอง เช่นเดียวกับ สตีเวน เอ็นซองซี ที่ได้ลงสนามในเกมนัดชิงฟุตบอลโลก 2018 นัดชิงชนะเลิศ และ มาร์ติน เทร์ริเอร์ ที่ย้ายมาจาก ลียง แต่ แชมเปี้ยนส์ลีก เองก็อาจจะหนักสำหรับทีมที่ไม่มีเคยมีประสบการณ์ ขณะที่ลีลล์ และ นีซ ได้ไป ยูโรป้าลีก และ สต๊าด เด รีมส์ ได้กลับไปเล่นฟุตบอลยุโรป เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่หมดยุคทองของ เรย์มงด์ โคป้า และ ชูส ฟงแตงน์ ในช่วง 60 พวกเขามีการจัดการที่ดี เล่นเกมรับอย่างอดทน และทำให้ทุกทีมที่เจอกับพวกเขาเอาชนะได้ยาก แต่เกมที่มีมากขึ้น อาจจะทำให้พวกเขามีปัญหา
10.การซื้อขายในช่วงซํมเมอร์หน้า
ถ้าดาวรุ่งในลีกเอิง ทำผลงานได้ดีในฤดูกาลนี้ คาดว่าตลาดซื้อขายซัมเมอร์หน้า ก็ดูน่าสนใจ กองกลางลางคนก็ครบเครื่อง, มีพลัง, สร้างสรรค์ และพร้อมปะทะ และน่าจะมีการสู้กันในตลาด อย่างในรายของ เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า ซึ่งเพิ่งอายุ 17 ปี ถ้าลียง สร้าง รายาน เชอร์กี้ ซัมเมอร์หน้าเขาอาจจะกลายเป็นทีต้องการของทีมอื่น และ กองหลังอย่าง อาเซล ดิซาซี จะเป็นเป้าหมายของทีมในพรีเมียร์ลีก หลังจากได้พัฒนาอย่างเต็มตัว 1 ปี กับโมนาโก